เตาเผาไฟฟ้าปลอดฝุ่น PM 2.5 วันสุดท้ายของชีวิตที่ไม่ทิ้งมลพิษ​ทำร้ายโลก

เตาเผาไฟฟ้าปลอดฝุ่น PM 2.5 วันสุดท้ายของชีวิตที่ไม่ทิ้งมลพิษ​ทำร้ายโลก


เตาเผาศพ อีกหนึ่งต้นทางที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 แนวคิดการปรับปรุง หรือ สร้าง “เตาเผาศพไฟฟ้า” แทนที่ “เตาเผาศพ” แบบดั้งเดิมจะเป็นอีกตัวช่วยลดมลพิษและส่งเสริมสภาพอากาศที่ดีให้ชุมชน

 

 

มลพิษที่เกิดจากเตาเผาศพ จากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จนเกิดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และขี้เถ้าจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง

นอกจากนี้ ยังมีส่วนของการเผาไหม้จากวัสดุตกแต่งโลงศพ เช่น พวงหรีด พลาสติก ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของโลหะหลักประเภท แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท

ในขณะที่จำนวนวัดทั่วประเทศ ประมาณ 40,000 วัดนั้นจะมีจำนวนเตาเผาศพอยู่ประมาณ 25,500 เตา ซึ่งบางวัดเตาเผาศพยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่พักอาศัยโดยรอบได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นจากการเผาศพ

ทำให้ปัญหาเรื่องเขม่าควันและมลพิษจากการเผาศพ ยังเป็นประเด็นที่นำมากล่าวถึงในประเด็นของการสร้างผลกระทบต่อสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องรับมือกับปัญหาฝุน PM2.5 แทบจะทุกพื้นที่

เตาเผาแบบไหนไร้มลพิษ

เตาเผาศพจะมีทั้งแบบดั้งเดิมที่ใช้ถ่านและไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ส่วนอีกแบบจะเป็นเตาเผาที่ใช้น้ำมันดีเซล หรือไฟฟ้า ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการเผาได้ด้วย ซึ่งเตาเผาในแบบแรกนี่เองที่ทำให้เกิดฝุ่นและกลิ่นได้มากกว่า

วัดห้วยหินฝนเป็นวัดในชุมชนที่ใช้เมรุหลังเดิมมานานหลายสิบปี นอกจากปัญหาควันและกลิ่นจากระบบการเผาด้วยฝืนแล้ว ปัญหาโครงสร้างที่ทรุดโทรมของเมรุที่ส่งผลต่อการใช้งานก็เริ่มยากที่จะแก้ไข

 

ดร.พระศรีสัจญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดห้วยหินฝน ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางวัดพยายามที่จะซ่อมแซมอยู่ตลอด โดยเฉพาะยอดเมรุที่ผุพังจนทำให้ควันจากการเผาลอยต่ำลงมาถึงพื้นถึงชุมชน ยิ่งในวันที่มีลม ชาวบ้านจะต้องรับมือทั้งกลิ่นและควันเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ก็ได้แค่แก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แม้จะจัดทอดผ้าป่าก็คงจะใช้เวลา 3 – 4 ปีกว่าจะได้ปัจจัยได้ครบตามที่คิดเอาไว้

‘เตาเผาลดฝุ่น’ มอบอากาศดีให้ชุมชน

พิธีทอดกฐินของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประจำปี 2566 และ“กรุงศรี ออโต้” โดยผู้บริหารและพนักงาน กรุงศรี ออโต้ และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั่วประเทศ รวมทั้งประชาชนที่มีจิตศรัทธาร่วมในแคมเปญส่งเสริมการขาย “ได้รถ ได้บุญ’ ของสินเชื่อ ‘กรุงศรี ยูสด์ คาร์” ได้ร่วมกันมอบเงินทำบุญจำนวน 2,415,052 บาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างเตาเผาไฟฟ้าไร้มลพิษแทนที่เตาเผาระบบฟืนแบบเดิม ณ วัดห้วยหินฝน ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ

ดร.พระศรีสัจญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดห้วยหินฝน กล่าวว่า การที่ทาง กรุงศรี ออโต้ ได้ยื่นมือเข้ามาสนับสนุนการสร้างเมรุใหม่ ผ่านพิธีทอดกฐินของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในปีนี้ นอกจากทางวัดและชุมชนจะได้เมรุใหม่มาทดแทนหลังเดิมที่ผุพังแล้ว ยังได้เปลี่ยนเตาเผาให้เป็นระบบไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสำนักสงฆ์ที่ต้องการจะลดการก่อมลพิษจากการเผาศพ และลดผลกระทบต่อคนในชุมชนได้อีกด้วย

ด้านนางพราวนภา ทับทอง ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า เมรุเดิมของวัดนอกจากจะทรุดตัวแล้ว ปล่องไฟยังตัน ทำให้ควันลอยลงมาด้านล่าง สร้างมลพิษและกลิ่นให้กับชาวบ้านในพื้นที่รอบข้างเป็นอย่างมาก

 

นอกจากนี้เตาเผาศพในรูปแบบเดิมจะใช้เวลาเผานานประมาณ 3-4 ชั่วโมง และต้องพักเตาอีก 10 ชั่วโมงจึงจะเริ่มใช้งานใหม่ได้ ทำให้ทุกวันนี้ทางวัดต้องลดจำนวนการเผาศพลง ซึ่งหากทางวัดสามารถเปลี่ยนมาใช้เตาไฟฟ้าที่ใช้เวลาเผาแค่ 1 ชั่วโมง และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจะช่วยลดเรื่องมลพิษ และกลิ่น อีกทั้งช่วยเบาแรงสัปเหร่อ เพราะไม่มีเศษขี้เถ้าจำนวนมากให้ต้องจัดการ

‘กรุงศรี ออโต้’ กับแนวคิด ESG

ทาง “กรุงศรี ออโต้” ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดพิธีทอดกฐินมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเพื่อให้พนักงานและพันธมิตรได้ทำบุญร่วมกัน แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการประกอบธุรกิจที่มีแนวคิดในการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Values) และคำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการมีธรรมภิบาล (Governance) ที่สอดคล้องกับนโยบายของ กรุงศรี กรุ๊ป กับเป้าหมาย Krungsri Race to Net Zero เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573