องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศให้เพชรบุรีเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ประจำปี 2564 (City of Gastronomy) หรือ UNESCO Creative Cities Network – UCCN ซึ่งเป็น 1 ใน 49 เมืองจากทั่วโลก ที่ได้รับประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ในปีนี้
สำหรับจ.เพชรบุรี เป็นเมืองที่ 5 ของไทย ที่ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ จากก่อนหน้านี้มี 4 เมือง ได้แก่ จ.ภูเก็ต (2558) จ.เชียงใหม่ (2560) จ.สุโขทัย และกรุงเทพมหานคร (2562)
โดย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท.ได้ดำเนินการตามภารกิจช่วยให้เกิดการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเมืองและแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ประโยชน์ที่ประเทศไทย โดยเฉพาะคนในพื้นที่จะได้รับนอกจากเมืองได้รับการพัฒนาตามเกณฑ์ที่ยูเนสโกกำหนด ครอบคลุมสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ยังได้เรื่องของการประชาสัมพันธ์เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ มีโอกาสได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานหรือจัดประชุมของกลุ่มประเทศเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งวันนี้มีจำนวนถึง 295 เมือง จากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก
เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเมืองสมาชิก นำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้านอาหาร เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพและกระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
“จ. เพชรบุรี คือ พื้นที่เป้าหมายที่ อพท. อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเตรียมประกาศเป็นพื้นที่พิเศษต่อไป อย่างจ.สุโขทัย ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษที่ อพท. รับผิดชอบ ซึ่งได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเมื่อปี 2562 มีแผนงานที่ อพท. ได้จัดทำขึ้นได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัยระหว่างปี 2566 -2570 ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 8.3 ล้านคน สร้างรายได้เข้าสู่จังหวัดประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท” “น.อ.อธิคุณ คงมี” ผู้อำนวยการ อพท. กล่าว
สำหรับจ.เพชรบุรี อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน (Roadmap) ขับเคลื่อนเมืองระยะ 5 ปี (2565-2570) ภายใต้แนวทางการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก โดยจะต่อยอดจากอัตลักษณ์เมือง 3 รส และเป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดของประเทศ คือ การผลิตเกลือ การปลูกและผลิตน้ำตาลจากตาลโตนด และเป็นแหล่งปลูกมะนาวรสชาติที่ดีสุด
ทั้งหมดนับเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบประกอบอาหารผสมภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่นำเอาผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นมาต่อยอดเป็นเมนูอาหารที่หลากหลายทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต
โดย “เมืองสร้างสรรค์ หรือ Creative City” เน้นความร่วมมือระหว่างชุมชนท้องถิ่นและภาครัฐ ในการสร้างสรรค์เมืองผ่านการพัฒนาสภาพแวดล้อม โครงสร้างทางสังคม ระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการนำสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม ตลอดจนจารีตประเพณีของท้องถิ่นมาผสมผสาน ผ่านความร่วมมือและการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน อันเป็นประโยชน์ต่อคนในชุมชนโดยตรงอีกด้วย