พบขยะพลาสติกกว่า 2.5 หมื่นชิ้นต่อวัน เล็ดลอดลงสู่ทะเล

พบขยะพลาสติกกว่า 2.5 หมื่นชิ้นต่อวัน เล็ดลอดลงสู่ทะเล


ข้อมูลจาก กทม. ระบุ ในปี 63 มีขยะมากถึง 27,816 ตัน (นับถึงเดือน ต.ค.64) ในลำคลอง 1,980 คลอง คิดเป็นระยะทางรวม 2,700 กม. สถิติของขยะดังกล่าวลดลงจากปี 62 ที่มีขยะอยู่มากกว่า 34,640 ตัน ขยะจากลำคลองไปไหน ส่วนใหญ่ไหลลงสู่แม่น้ำ

 

หากนับแม่น้ำสายหลักในประเทศไทย จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ บางปะกง (ฉะเชิงเทรา) เจ้าพระยา (สมุทรปราการ) ท่าจีน (สมุทรสาคร) แม่กลอง (สมุทรสงคราม) บางตะบูน (เพชรบุรี) ทะเลสาบสงขลา (สงขลา) แม่น้ำปัตตานี (ปัตตานี) บางนรา และแม่น้ำโกลก (นราธิวาส) จากแม่น้ำขยะในลำคลองเหล่านี้จะไหลลงสู่ทะเล กลายเป็น “ขยะทะเล”

 

ข้อมูลจากกรมทรัยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าในปี 63 มีขยะลอยไปติดถุงอวนขนาดปากกว้าง 5 ม. ลึก 2 ม. เฉลี่ย 25,741 ชิ้น/วัน (น้ำหนัก 398 กก./วัน) หรือคิดเป็น 9,395,465 ชิ้น/ปี (น้ำหนัก 145 ตัน/ปี)

 

โดยมีประเภทของขยะที่พบมากที่สุด ได้แก่ พลาสติกแผ่นบาง คิดเป็น 62% ของจํานวนชิ้นขยะทั้งหมด (15,959 ชิ้น/วัน) รองลงมาคือพลาสติกแข็ง 15%, (3,861 ชิ้น/วัน) วัสดุผ้าและไฟเบอร์ 10%, ( 2,574 ชิ้น/วัน) จะเห็นได้ว่าขยะทะเลส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของพลาสติกถึงกว่า 80%

 

จากจำนวนขยะดังกล่าว แน่นอนว่ามีบางส่วนเล็ดลอดออกไปยังทะเล และสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เฉพาะแค่ประเทศไทย แต่หมายถึงทั้งโลกใบนี้ เมื่อขยะเหล่านั้นจะออกไปสู่มหาสมุทร และกลายเป็นกองขยะทะเล มีใช้เวลาอีกนับหลายสิบปีในการย่อยสลาย

 

เมื่อย่อยสลายแล้วยังคงเป็นปัญหาเมื่อทำให้เกิดเป็น “ไมโครพลาสติก” ปะปนอยู่ในน้ำทะเล เมื่อสัตว์ทะเลกินไมโครพลาสติกเหล่านี้เข้าไป ก็จะย้อนกลับมากระทบถึงเราในรูปแบบของ “อาหารทะเล”

 

ขณะเดียวกันก็มีพบกระทบต่อสัตว์น้ำจำนวนมาก ซึ่งเราพบว่าปัจจุบันสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด ทั้ง โลมา วาฬ พะยูน และเต่าทะเล ต่างได้รับผลกระทบ และเสียชีวิตจากการกินพลาสติกที่ไม่ย่อยสลายเหล่านี้เข้าไป

 

20 กันยายน ของทุกปี เป็น “วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ” ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรตระหนักถึงเรื่องปัญหาขยะดังกล่าว เพื่อการพลิกฟื้นสภาพแม่น้ำ ลำคลอง ลดการทิ้งขยะ และทิ้งในพื้นที่ที่จัดไว้อย่างเหมาะสม เพื่อให้สิ่งแวดล้อมได้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง