กรมการค้าภายในเตรียมจัดรถคาราวาน 111 คัน นำหน้ากากอนามัยออกจำหน่ายทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 5 มี.ค.นี้ หมุนเวียนไปตามชุมชน หวังให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด วอนประชาชนซื้อเท่าที่จำเป็น อย่ากักตุน เหตุยิ่งซ้ำเติมปัญหาขาดแคลน เล็งหาช่องเอาผิด “ลาซาด้า-ช้อปปี้-เจดี เซ็นทรัล”
วันนี้ (2 มี.ค.63) นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมฯ จัดรถคาราวานออกจำหน่ายหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ รวม 111 คัน แยกเป็นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 21 คัน และในต่างจังหวัด 90 คัน จะไปทุกจังหวัด

ซึ่งถือเป็นช่องทางใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดยรถแต่ละคันจะมีหน้ากากอนามัยประมาณ 1 หมื่นชิ้น จะหมุนเวียนออกจำหน่ายให้ทั่วถึงแต่ละชุมชน จำหน่ายให้ประชาชนคนละไม่เกิน 1 แพ็ก แพ็กละ 4 ชิ้น ราคาชิ้นละ 2.50 บาท หรือแพ็กละ 10 บาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 5 มี.ค.2563 นี้ และก่อนที่จะออกไปในแต่ละชุมชน จะแจ้งรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ก่อนที่จะออกเดินทางด้วย เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวรอซื้อ

ส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยช่องทางอื่นๆ ที่กรมฯ ได้รับมาวันละ 6 แสนชิ้น ยังคงดำเนินการเหมือนเดิม คือ จำนวน 3.5 แสนชิ้น กระจายไปให้องค์การเภสัชกรรม 2 แสนชิ้น และอีก 1.5 แสนชิ้น กรมฯ ได้ประสานผู้ผลิตให้กระจายโรงพยาบาลโดยตรง คงเหลือ 2.5 แสนชิ้น จะกระจายให้กับสมาคมร้านขายยาที่มีสมาชิก 3 พันรายวันละ 2.5 หมื่นชิ้น การบินไทยวันละ 1.8 หมื่นชิ้น ที่เหลือจะกระจายผ่านร้านธงฟ้า เซเว่นอีเลฟเว่น มินิ- บิ๊กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส และล่าสุดได้เพิ่มแฟมิลี่มาร์ทเข้ามาอีก โดยจำกัดการซื้อคนละ 1 แพ็ค 4 ชิ้น ราคา 10 บาทเช่นเดียวกัน ซึ่งกรมฯ อยากจะขอความร่วมมือประชาชน ต้องยึดหลัก “เทใจให้กัน แบ่งปันกันใช้” เพราะหากซื้อเยอะ เวียนซื้อ หรือซื้อไปกักตุน จะทำให้คนข้างหลังไม่ได้ซื้อ ขอให้ซื้อแต่พอใช้ เพราะความจริงในปัจจุบัน ความต้องการเพิ่มขึ้นมาก

- รพ.เอกชน ร้อง “อนุทิน” เจอวิกฤติหน้ากากอนามัยขาดแคลน
- “พาณิชย์” ยันหน้ากากอนามัยมีให้ ปชช.ใช้ในประเทศเพียงพอ วอน! อย่าตุน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมฯ ยืนยันว่าหน้ากากอนามัยที่ได้รับจัดสรรมา ไม่มีหลุดออกไปจำหน่ายในช่องทางอื่นๆ ยกเว้นตามช่องทางที่กำหนด และในส่วนของโรงงาน ที่ยังมีหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 7.5 แสนชิ้น (กำลังผลิตรวมต่อวัน 1.35 ล้านชิ้น แบ่งให้กรมฯ 6 แสนชิ้น เหลือ 7.5 แสนชิ้น) ทราบว่ามีการกระจายตามช่องทางการค้าปกติ แต่ไม่รู้ว่าโรงงานบริหารจัดการยังไง กระจายไปที่ไหนบ้าง ซึ่งนายจุรินทร์ ได้สั่งการให้เชิญโรงงานผู้ผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน มาหารือ เพื่อแก้ไขปัญหาและกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึงแล้ว ซึ่งต้องรอข้อสรุปว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา

“กรมฯ กำลังหาช่องทางเอาผิดตามกฎหมายกับแพลตฟอร์มค้าออนไลน์ ที่เคยมาร่วมหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ทั้งลาซาด้า ช้อปปี้ และเจดี เซ็นทรัล ที่เคยรับปากจะช่วยดูแลการจำหน่ายหน้ากากอนามัยบนแพลตฟอร์มไม่ให้มีการค้ากำไรเกินควร แต่ทุกวันนี้ ยังมีการเปิดให้คนเข้ามาขายสินค้าแพง เอาเปรียบประชาชน ก็ต้องถือว่ามีความผิดด้วย ส่วนการจำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊ก กรมฯ ได้ทำการตรวจสอบ และตามหาตัวผู้กระทำผิดโดยตลอด แต่ต้องยอมรับว่าตามตัวได้ยาก แต่กรมฯ ก็จะตามให้ถึงที่สุด และขอความร่วมมือให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1569 โดยต้องมีรายละเอียดให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น” นายวิชัยกล่าวย้ำ
สำหรับการจับกุมผู้ที่ค้ากำไรเกินควร ล่าสุดจับกุมได้แล้ว 51 ราย มีทั้งผู้ค้าทั่วไปและค้าออนไลน์ โดยส่งดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จำนวน 31 ราย มีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท และผิดมาตรา 28 ในเรื่องปิดป้ายแสดงราคา 20 ราย มีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ส่วนปัญหาการขาดแลคนหรือหาซื้อยากนั้น ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและซื้อหน้ากากอนามัยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โปรดอย่ากักตุน เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ใช้กันอย่างทั่วถึง ซึ่งเราต้อง “เทใจให้กันแบ่งปันกันใช้” หน้ากากอนามัยมีเพียงพอแน่ จึงขอความร่วมมือกันแก้ปัญหาในวิกฤตินี้ เพื่อก้าวผ่านปัญหาไปด้วยกัน ตอนนี้กำลังหารือกับผู้บริหาร 7-11 ว่าทำไมของถึงไม่กระจาย ซึ่งคงไม่สามารถห้ามผู้บริโภคมาเวียนซื้อในร้านสะดวกซื้อได้ สิ่งเหล่านี้ต้องรู้จักแบ่งปันกันใช้
ส่วนผู้ค้าออนไลน์ที่ขายเกินจริง ขณะนี้กรมได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว โดยสามารถดำเนินการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ที่ขายราคาสูงเกินจริงไปแล้ว 10 ราย ซึ่งจะมีโทษตามกฎหมาย ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ฐานความผิดตามมาตรา 29 ซึ่งมีโทษตามกฎหมายสูงสุด คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผิดมาตรา 28 ในเรื่องปิดป้ายแสดงราคา 20 ราย มีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท”
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
