กรมการแพทย์ ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ใช้หุ่นยนต์เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ป้องบุคลากรทำงานดูแลผู้ป่วยไวรัสโคโรนา คุมระยะไกล เตรียมติดตั้งเครื่องวัดชีพจร รับสถานการณ์ระบาดหนัก
จากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโนาจากประเทศจีน รวมทั้งทั่วโลก ในหลายประเทศนั้น ล่าสุดทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ทำการส่งมอบหุ่นยนต์ฝ้าระวัง ควบคุมระยะไกล เพื่อนำมาใช้งานสำหรับการเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนา โดยการร้องขอจากกระทรวงสาธารณสุข
นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับสื่อมวลชนว่า เมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้น ได้มีการประเมินว่า จะมีการติดเชื้อจำนวนมาก และจะมีผู้ป่วยจำนวนมาก จากประสบการณ์ที่เจอภาวะโรคระบาดนั้น บุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าไปทำการรักษาพยาบาล คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากมี่จะติดเชื้อ ดังนั้นจึงต้องหาเทคโนโลยีที่จะเข้าช่วยเหลืองานเพื่อลดการติดเชื้อโรค และในต่างประเทศนั้นจะเห็นได้ว่า จะมีการใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำงานร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นจึงมีการประสานงานมายังคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้มีโครงการจัดทำหุ่นยนต์เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์อยู่ โดยใช้ในโรคหลอดเลือดสมองตีบ จึงมองเห็นโอกาสที่จะนำมาใช้สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา

‘สำหรับประโยชน์ที่จะได้จากการใช้หุ่นยนต์เข้ามาร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์นั้น อย่างแรก สามารถใช้ในการประเมินอาการผู้ป่วยได้จากระยะไกล มีประโยชน์ทั้งคุณหมอที่จะใช้ประเมินและซักถามอาการเบื้องต้น รวมทั้งล่ามภาษา เพราะผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเป็นคนจีน มีประโยชน์ในการสื่อสารมากขึ้น รวมทั้งญาติที่ต้องการเยี่ยมไข้ ส่วนในขั้นต่อไปหากมีการแพร่ระบาดมากขึ้น ได้พูดคุยกับทางคณะ ร้องขอให้เพิ่มในเรื่องเครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพเข้าไป จะสามารถช่วยงานได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงของบุคลากร แต่มาตรฐานในการรักษาพยาบาลเท่าเดิม ‘
ด้าน ศ.ดร.วิบูลย์ แสงวีระพันธุ์ศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการเดิมที่ทำร่วมกันระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ โดยทำแล้วกับทีมแพทย์ 2 ทีม โดยเป็นโครงการที่ทำในเรื่องโรคของผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จึงเป็นที่มาของโครงการ

หุ่นยนต์จะใช้เป็นสื่อกลางระหว่างหมอกับคนไข้ในระยะทางไกล การทำหุ่นยนต์ของทางคณะจึงมีหลายรูปแบบ เมื่อทางกระทรวงได้ประสานขอใช้งานจึงได้มีการส่งมอบให้เบื้องต้น โดยมีการร้องขอว่าสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่อยู่ในที่จำกัด หรือ ผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่พิเศษ ดังนั้นการเข้าไปเจอกับผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ หรือล่ามทางภาษา จะมีปัญหา จึงต้องใช้หุ่นยนต์เป็นผู้ดูแลเฝ้าระวังผู้ป่วย
‘วิธีการใช้งานตามที่ได้รับการร้องขอมานั้น คือสามารถใช้หุ่นยนต์เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร หมอจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ในเบื้องต้น มีหุ่นยนต์พร้อมให้บริการจำนวนหนึ่งจากโครงการเฝ้าระวังผู้ป่วยสูงอายุมาใช้’

สำหรับหุ่นยนต์ที่จะใช้งานในการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ต้องสงสัยและอยู่ในพื้นที่กักกันนั้น จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานด้านภาพและเสียงที่จะใช้ในการสื่อสาร. ระหว่างผู้ป่วยกับหมอและล่าม รวมทั้งการบังคับการใช้งานในพื้นที่จำกัด
‘ หุ่นยนต์นี้จะสามารถให้คุณหมอสามารถควบคุมได้จากระยะไกล โดยใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ควบคุม สามารถที่จะอยู่กันคนละห้อง ตึกอาคาร หรือคนละถนนก็สามารถใช้งานได้ ‘
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
