มท.1 สั่งทุกพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ลั่นต้องติดตามจับกุมคนวางระเบิดให้ได้ หวั่นกระทบการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ขณะ กอ.รมน. สั่งหน่วยงานเฝ้าระวังพื้นที่ต้องสงสัย-สุ่มเสี่ยง ด้าน สันติบาล คุมเข้มตรวจความปลอดภัยในพื้นที่ ทำเนียบรัฐบาล 24 ชม. ส่วน เจ๊หน่อย จี้เร่งหาตัวผู้ดำเนินการมาลงโทษโดยเร็ว พร้อมประณามคนทำ “เลวมาก”
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานขั้นต้นเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว โดยได้สั่งการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ทุกสำนักงานเขตติดตามสถานการณ์ และประสานกับหน่วยงานตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อดูแลพื้นที่ รวมถึงหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ขณะเดียวกันให้เจ้าหน้าที่ของ กทม.เช่น พนักงานรักษาความสะอาด ช่วยสอดส่องความผิดปกติต่างๆ ถ้าเห็นสิ่งใดผิดปกติให้เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนภูมิภาคยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่กำชับให้ผู้ว่าได้ดูแลพื้นที่ในลักษณะเดียวกับ กทม. โดยให้แต่ละจังหวัดใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดและร่วมมือกับประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลความเรียบร้อย
“อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย เพราะเหตุการณ์อาจกระทบกระเทือนการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ ดังนั้น หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ในส่วนที่เกิดขึ้นแล้วต้องจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้ ขณะที่การระวังป้องกันจะทำอย่างเต็มที่ หวังว่าคนไทยด้วยกันคงไม่ทำลายประเทศชาติ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนไทยก็ได้รับผลกระทบ อย่างน้อยเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ความปลอดภัยของประชาชน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
กอ.รมน.สั่งเฝ้าระวังพื้นที่ต้องสงสัย-สุ่มเสี่ยง
พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะเป็นหน่วยงานที่เข้ามากำกับดูแลงานรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเหตุความไม่สงบและการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว ได้สั่งการให้หน่วยข่าวของ กอ.รมน. และ กอ.รมน.จังหวัด เฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์ทั้งในพื้นที่ต้องสงสัยและพื้นที่สุ่มเสี่ยง พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความเรียบร้อยของประชาชน
ทั้งนี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องความผิดปกติหรือขบวนการสร้างสถานการณ์ หากพบสามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1364
สันติบาลคุมเข้มทำเนียบฯ 24 ชม.
พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์หลังตรวจดูการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า หลังเกิดการวางระเบิดสร้างสถานการณ์นายกรัฐมนตรีได้สั่งเพิ่มมาตรการระวังป้องกัน โดยให้เวรยามแต่ละประตูเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติและคอยสังเกตประตูที่ตัวเองรับผิดชอบ ว่ามีบุคคลต้องสงสัย มีพฤติการณ์ที่จะนำสิ่งของต้องสงสัย มาวางไว้หรือไม่
ส่วนในช่วงเวลากลางคืนจะเป็นชุดสายตรวจ ออกตรวจเป็นวงรอบบริเวณโดยรอบทำเนียบฯ เป็นรถสายตรวจเปิดสัญญาณไฟเพื่อป้องกันเหตุ
นอกจากนี้ได้ประสานกับ สน.ดุสิต ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการตรวจโดยรอบทำเนียบฯ ขณะที่นายกฯ ได้กำชับดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่สำคัญอื่นๆ ในการเฝ้าระวัง อย่าให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ส่วนในทำเนียบฯ ก็จะเพิ่มความถี่ในการตรวจมากขึ้นกว่าเดิม มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่ออกเวรแล้ว ให้มาช่วยเสริมการปฏิบัติในการออกตรวจ
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ส่วนนี้จะมีชุดประจำตัวของนายกฯ อยู่แล้ว เป็นชุดกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ที่มาร่วมปฏิบัติ ซึ่งในการลงพื้นที่จะเสริมชุดเล็กจำนวน 5 นายอยู่แล้ว ขณะในส่วนของรัฐมนตรีเป็นเรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยในทำเนียบฯ ต้องดูแลอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดแจ้งขอรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
“ช่วงนี้จะเพิ่มความถี่ในการออกตรวจพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็น 24 ชั่วโมง ขณะที่การเข้า-ออกทำเนียบฯ ได้สั่งเพิ่มเติมให้ตรวจเข้มบุคคลที่เข้ามาว่าจะมาพื้นที่ส่วนไหน ซึ่งมาตรการทางเราได้วางไว้อยู่แล้วว่า ใครจะมาตึกไหนจะใช้บัตรสีที่แตกต่างกัน หรือสีประจำตึก” พ.ต.อ.วัชรวีร์ กล่าว
“เจ๊หน่อย” ประณาม คนคิดสร้างสถานการณ์ “เลวมาก”
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และน่าห่วงใยมากที่เกิดระเบิดพร้อมๆ กันในช่วงเช้าของวันนี้ถึง 4-5 จุด ซึ่งเป็นจุดสาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร เช่น ศูนย์ราชการ หรือสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส
ตนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชนคนกรุงเทพฯ จึงขอให้กำลังใจคนกรุงเทพฯ และให้ทุกคนระมัดระวัง เพราะยังสับสนกันอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไร ใครเล่นเกมอะไร อย่างไร แต่ว่าเป็นเรื่องที่อันตราย มีคนได้รับบาดเจ็บ และอาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยเร่งหาตัวผู้ดำเนินการ ไม่ว่าจะสร้างสถานการณ์หรือหวังผลอะไรก็แล้วแต่ มาดำเนินการลงโทษให้เร็วที่สุด เชื่อว่าทุกจุดที่มีการกระทำดังกล่าวน่าจะมีกล้องวงจรปิด ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เพราะจุดที่เอาระเบิดไปวางก็เป็นจุดที่คนมองเห็นทั้งนั้น
“เราในฐานะประชาชนก็อยากได้คำตอบเร็วๆ พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตราสอดส่องในห้วงระยะเวลา 2-3 วันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ต้องสัญจรไปมาในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะจุดโดยสารสาธารณะต่างๆ ขณะเดียวกันก็ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ออกไปปฏิบัติการอยู่” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการกระทำนี้มีเป้าหมายเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ เนื่องจาก คสช.เพิ่งหมดอำนาจ รวมทั้งอำนาจในการใช้มาตรา 44 ด้วย คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า คงคาดเดาไม่ได้ แต่ต้องมีการหวังผลสร้างสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ต้องมีคนได้ประโยชน์จากการกระทำแบบนี้ แต่คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน เราจะปล่อยให้ใครมาหาประโยชน์จากสถานการณ์แบบนี้โดยเอาชีวิตของคนไทยและชาวกรุงเทพฯ มาแขวนไว้บนความเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้ เรายอมไม่ได้
“จะเป็นเกมอะไรก็แล้วแต่ จะใครที่ได้ประโยชน์จากการสร้างเหตุการณ์นี้ก็แล้วแต่ สิ่งที่น่าประณามที่สุดคือถ้ามีคนคิดสร้างสถานการณ์นี้เพื่อประโยชน์ของตนเองก็เป็นความคิดที่เลวมาก คือเล่นอยู่กับชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของประชาชน เรายอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ค่ะ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
