เจ้าหน้าที่ลุยผ่าพิสูจน์ซากวาฬหัวทุยลอยตายกลางทะเลที่กระบี่ เจอถูกตัดกราม-ร่องรอยบอบช้ำอย่างรุนแรง
จากกรณีชาวบ้านบนเกาะลันตา จ.กระบี่ พบซากวาฬสเปิร์ม หรือที่เรียกว่าวาฬหัวทุย ลอยตายอยู่กลางทะเลระหว่างเกาะลันตา และเกาะไหง ห่างชายฝั่งเกาะลันตาประมาณ 3 ไมล์ทะเล ก่อนจะประสานให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน จ.ชุมพร เข้ามาตรวจสอบนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ( 3 ก.ค. ) นายสมบูรณ์ เต็มชื่น นายอำเภอเกาะลันตา จ.กระบี่ นายศักดิ์ดา ทวีเมือง ประมง อ.เกาะลันตา พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเรือหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะลันตาน้อย ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เข้าตรวจสอบซากวาฬสเปิร์ม บริเวณชายหาดบ้านหัวแหลม เพื่อหาสาเหตุการตาย จากการตรวจสภาพภายนอก พบวาฬตัวดังกล่าว เป็นวาฬเพศผู้ ความยาววัดได้ 12 เมตร น้ำหนักมากกว่า 1-2 ตัน
คาดว่าเป็นวาฬที่ยังไม่อยู่ในช่วงโตเต็มวัย สภาพคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังพบว่ากรามล่างของวาฬ รวมทั้งฟันบางส่วน ถูกลักลอบตัดออกไป บริเวณโคนหาง มีร่องรอยบอบช้ำอย่างรุนแรง กลางลำตัวมีร่องรอยคล้ายถูกฉลามกัด
ทั้งนี้ นายไพฑูล รอดรัก ชาวประมงที่พบซากวาฬกลางทะเล เล่าว่า ก่อนจะพบซากวาฬดังกล่าว ตนออกเรือไปทำประมงตามปกติ จนไปพบซากวาฬลอยอยู่ จากนั้นประสานให้ชาวบ้านช่วยกันนำเรือมาลากเข้าฝั่ง โดยสภาพที่พบครั้งแรก วาฬยังมีสภาพสมบูรณ์ แต่พอกลับไปดูอีกครั้ง ก็พบว่ากรามล่างถูกลักลอบตัดออกไปแล้ว สอบถามจากชาวบ้านใกล้เคียง ทราบว่าพบเห็นชาย 3 คน เข้ามาใกล้ซากวาฬ คาดว่าจะเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาแอบตัด
ด้าน นายอำเภอเกาะลันตา กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้ประสานให้ เจ้าหน้าที่เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เกาะลันตา เพื่อสืบหาตัวคนที่แอบเข้ามาลักลอบตัดกรามวาฬแล้ว และอยากเตือนประชาชนทั่วไป หากพบซากวาฬ หรือสัตว์ทะเล ห้ามลักลอบขโมยซากตามความเชื่อแบบผิดๆ เพราะจะมีความผิด เนื่องจากสัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย เบื้องต้นเชื่อว่าวาฬตัวดังกล่าวไม่น่าจะถูกลักลอบล่า
ขณะที่ นายศักดิ์ดา ทวีเมือง ประมง อ.เกาะลันตา เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิต ในเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมีอาการติดเชื้อ วันนี้ทีมสัตวแพทย์ จะเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจสอบอีกครั้ง ว่าจะมีสาเหตุจากการติดเชื้อหรือไม่ ส่วนซากวาฬที่เหลือ จะหารืออีกครั้งว่าจะขนย้ายออกจากพื้นที่อย่างไร เพราะซากเป็นชิ้นใหญ่ มีน้ำหนักมาก การเคลื่อนย้ายค่อนข้างจะลำบาก โดยจะประสานให้กรมทรัยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการเรื่องนี่อีกครั้ง
