ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 – นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. … หลังจากกฎหมายฉบับเดิมบังคับใช้มานานกว่า 40 ปี จึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะโทษไม่รุนแรงพอ จึงไม่เกรงกลัวได้ทำผิดจำนวนมาก ทั้งโฆษณาเกินจริง การหลอกลวง จึงได้เพิ่มโทษและให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ คาดว่าร่างพ.ร.บ.อาหารฯ จะมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริโภค เพราะการอนุญาตให้ผลิตสินค้าอาหาร ต้องได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรรัฐทำหน้าที่ในการตรวจวิเคราะห์สถานประกอบการ ผลิตภัณฑ์อาหาร จึงทำให้สินค้าอาหารได้รับความมั่นใจมากขึ้น ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากการโฆษณา และได้เพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน โดยจะห้ามนำยา ไปผสมกับอาหาร ต้องแยกจากกันให้ชัดเจน เพราะหากผสมยา ต้องขออนุญาต อย.ด้านยา แยกจากกัน หากกระทำผิด โทษจำคุก 3 ปี ปรับจาก 30,000 บาท เพิ่มเป็น 3 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ
นอกจากนี้ ในส่วนอาหารที่มีสิ่งปลอมปน หรือมีการอวดอ้างสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ยาลดความอ้วน เพิ่มความขาว เป็นต้น หากพิสูจน์ว่าไม่จริงจะต้องเพิ่มโทษจำคุกเป็น 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่างจากโทษเดิมที่ระบุให้จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ ที่ต้องเพิ่มโทษเพราะสินค้าประเภทดังกล่าวที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงมีการวางจำหน่ายตามตลาดอย่างแพร่หลาย รวมถึงทางออนไลน์ด้วย ดังนั้นจึงต้องคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
“ครม.กำหนดให้รมว.สาธารณสุข กำหนดเงื่อนไขการโฆษณาอาหาร เช่น อาหารอวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกหลอกลวง ในส่วนของสินค้าอาหารผลิตเพื่อส่งออก ให้ปฏิบัติการข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย แต่หากผลิตเพื่อไทยในประเทศด้วย ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยเช่นเดียวกัน ที่ประชุม ครม.ยังหารือเกี่ยวกับการดูแลสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อไม่ให้ผู้ผลิตรายย่อยได้รับความเดือดร้อน เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการนำเข้าและส่งออก” นายณัฐพร กล่าว