มารีญา พูลเลิศลาภ หญิงผู้สร้างโลกที่งดงามด้วยความคิดและความฝัน

มารีญา พูลเลิศลาภ หญิงผู้สร้างโลกที่งดงามด้วยความคิดและความฝัน

มารีญา พูลเลิศลาภ ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชีวิตมนุษย์ พร้อมกังวลต่อวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรง เธอฝันถึงโลกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อคนรุ่นหลัง โดยเชิญชวนทุกคนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่จานอาหารจนถึงพลังงานสะอาด

 

 

มารีญา พูลเลิศลาภ เจ้าของตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2017 เป็นทั้งนางแบบ นักธุรกิจ และผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยแรงบันดาลใจจากวัยเด็กที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในต่างประเทศ สู่การเชื่อมโยงคนกับธรรมชาติ พร้อมผลักดันการดูแลโลกเพื่อเด็ก ๆ รุ่นต่อไป

ในการพูดคุยครั้งนี้ เราจะได้สัมผัสแรงบันดาลใจจากชีวิตและมุมมองของ มารีญา พูลเลิศลาภ ผู้ที่หลอมรวมความเป็นนางงาม นักธุรกิจ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้ในตัวเอง เราจะได้เรียนรู้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ ตั้งแต่วัยเด็กที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติและการทำเพื่อสังคม 

จนถึงบทบาทปัจจุบันที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกผ่านธุรกิจพลังงานสะอาด เธอจะพาเราเข้าใจความสำคัญของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนและธรรมชาติ การตระหนักถึงผลกระทบที่เราได้รับจากปัญหาสิ่งแวดล้อม

 

 

 

 

เสียงจากป่า สู่พลังขับเคลื่อนเมือง

มารีญา พูลเลิศลาภ เติบโตขึ้นมาท่ามกลางการปลูกฝังเรื่องการตอบแทนสังคมและการใกล้ชิดธรรมชาติ ตั้งแต่จำความได้ วันเกิดในทุกปีแม่ของเธอจะพาไปมูลนิธิดวงประทีป ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือเด็กและผู้ยากไร้ พร้อมทั้งเรียนรู้ในโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับงานบริการสังคม (community service) การช่วยเหลือชุมชนและสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นเรื่องปกติที่มารีญาเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน

ในวัยเด็ก พ่อของมารีญามักพาเธอออกไปสัมผัสธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ดำน้ำ หรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม แม้ช่วงนั้นความรู้สึกต่อธรรมชาติจะเป็นเพียงความสนุกสนาน หรือบางครั้งก็ลำบาก แต่สิ่งเหล่านี้กลับฝังรากลึกในชีวิตของเธอ

เมื่อมารีญาเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประสบการณ์ในพื้นที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ได้เปลี่ยนมุมมองของเธออย่างสิ้นเชิง การเดินเล่นในสวนสาธารณะ การนั่งกินข้าวบนภูเขา หรือแม้แต่การสูดอากาศบริสุทธิ์ ล้วนทำให้เธอสัมผัสถึงพลังของธรรมชาติ และเริ่มเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม

ความสดชื่นจากธรรมชาติที่เธอเคยสัมผัสในต่างแดนตอกย้ำชัดเจนเมื่อเธอกลับมาที่กรุงเทพฯ เมืองที่ความเป็นธรรมชาติถูกกลืนด้วยความเป็นเมืองใหญ่ การพบปะเพื่อนฝูงในพื้นที่สีเขียวกลับกลายเป็นเรื่องยาก มารีญาจึงเริ่มตั้งคำถามกับบทบาทของธรรมชาติในชีวิตคนเมือง

ไม่เพียงแค่นั้น การเดินป่าทำให้เธอค้นพบว่า ป่าคือแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ ทั้งอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตล้วนมีอยู่ในนั้น การเห็นผลกระทบของมลพิษต่อคนที่เธอรัก ทำให้มารีญาตระหนักว่าประเด็นสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่เรื่องของใครคนหนึ่ง แต่คือเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไข

 

 

ความหวังในโลกที่ดีกว่า

มารีญา พูลเลิศลาภ เปิดใจถึงช่วงสำคัญในชีวิตที่เคยกังวลว่าจะต้องอยู่ลำพังในวัยบั้นปลาย แต่เมื่อพี่สาวมีลูก ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความหวังใหม่คือการสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับเด็ก ๆ จุดนี้เองที่ผลักดันให้เธอมุ่งมั่นกับธุรกิจพลังงานโซลาร์มากขึ้น เธอเล่าว่าความสุขที่แท้จริงสำหรับเธอคือการเห็นคนที่รักมีสุขภาพดี ซึ่งเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยตรง 

“อยากให้ทุกคนเปิดอกเปิดใจคุยกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงความเชื่อมโยง ทุกอย่าง เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำออกไปเราต้องมีความตระหนัก รู้ตัวในสิ่งที่เราทำว่าผลกระทบคืออะไร รวมถึงบริษัท ระบบและนโยบายต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ ถ้าคิดถึงเรื่องความยั่งยืน จริงๆ เชื่อว่าระบบต่าง  ๆ จะมีตัวเลือกให้เลือก ถ้าเราสามารถเปิดระบบให้โปร่งใสขึ้น ผู้บริโภคก็จะเลือกสิ่งที่ดีกว่า และพร้อมเป็นแปลงอะไรได้เยอะเลย”

 

 

 

 

เพราะวิกฤติสิ่งแวดล้อม

“ความยั่งยืนในระดับโลกตอนนี้ค่อนข้างน่ากังวล และสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราเองก็ดูโหดร้ายไม่แพ้กันอย่างวันนี้เราเห็นน้ำท่วมหนักมาก ทั้งยังมีโคลนซึ่งในชีวิตของเรายังไม่เคยเจอมาก่อน มันทำให้รู้สึกชัดเจนว่าสภาพแวดล้อมกำลังแย่ลงจริง ๆ”

เธอยังกล่าวถึงตัวเลขที่สะท้อนการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ และการเพิ่มขึ้นของธุรกิจปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) และมลพิษในหลายรูปแบบ จากสิ่งที่ได้เห็นและประสบมา มันชัดเจนว่าประเทศของเราเข้าสู่วิกฤติสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงแล้ว แม้เราอาจจะไม่ได้สร้างเอฟเฟค แต่เราได้รับผลกระทบมากที่สุด เป็น TOP 10 ที่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น เราต้องให้ความสำคัญ กับสิ่งนี้ มาก ๆ เรื่องหนึ่งคือ ทัศนคติ กับความพยายาม

 

 

เห็นประโยชน์ของข้อดี เมืองแดดแรง

มารีญาเปิดประเด็นถึงแนวคิดเบื้องหลังการทำงานมูลนิธิ Solar for Solar ที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนมาใช้โซลาร์เซลล์ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในประเทศที่มีแสงแดดตลอดวันอย่างไทย เป้าหมายของมูลนิธิคือการสนับสนุนโรงเรียน ชุมชน และโรงพยาบาลที่ยังขาดงบประมาณในการติดตั้งระบบโซลาร์ 

“เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โซลาร์อาจไม่ใช่เรื่องที่เซ็กซี่ แต่มันคือโอกาสสำคัญ” 

“เราอยากช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูงของมูลนิธิ เช่น ค่าไฟ เพื่อให้โรงเรียนสามารถจ้างครูเพิ่ม หรือพัฒนาคุณภาพอาหารกลางวันเด็กให้ดีขึ้น”

มารีญายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ในการสร้างแรงกระเพื่อมในภาคธุรกิจ 

“ESG ช่วยทำให้เรื่องนี้จับต้องได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจเริ่มมองเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในตัวเลข” 

เธอเชื่อว่าการใช้โซลาร์เซลล์นอกจากจะช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และขอเชิญชวนทุกคนร่วมติดตามโครงการ Solar for Solar ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อทำให้เป้าหมาย ทุกหลังคามีโซลาร์ เป็นจริง

 

 

 

 

สุขภาพสัตว์ สวัสดิภาพคน หนึ่งความยั่งยืนที่สำคัญ

“ยาปฏิชีวนะที่ถูกใช้ในฟาร์มจะปนเปื้อนลงสู่ดิน น้ำ และเข้าสู่เนื้อสัตว์ที่เราบริโภค ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาเชื้อดื้อยา โดยในประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาถึง 30,000 คนต่อปี” 

ตอนนี้ที่ประเทศไทย มารีญาได้ร่วมทำงานกับองค์กรพิทักษ์สัตว์โลกด้วย จึงตระหนักถึงความสำคัญของสวัสดิภาพสัตว์ โดยเฉพาะในฟาร์มอุตสาหกรรมที่ยังต้องการการพัฒนา มารีญา เล่าว่า สุขภาพของสัตว์เชื่อมโยงกับสุขภาพของมนุษย์โดยตรงในปัจจุบันสัตว์ในระบบฟาร์มส่วนใหญ่มักถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้รับแสงแดด หรือไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของตัวเองได้ ส่งผลให้สัตว์เหล่านี้ป่วยง่ายและต้องพึ่งพายาปฏิชีวนะเป็นจำนวนมาก 

“ลองคิดดูว่าถ้ามนุษย์ต้องอยู่แต่ในบ้าน ซึมเศร้า ไม่มีเพื่อน หรือไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ สุขภาพก็คงแย่ไม่ต่างกัน” 

มารีญายังชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาปฏิชีวนะแบบรวมในฟาร์มส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่กับสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ความสำคัญของการปรับปรุงสวัสดิภาพสัตว์ให้ดีขึ้นจึงเป้นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบสุขภาพทั้งของคนและสัตว์ 

 

 

ชวนเปลี่ยนโลกผ่านจานอาหาร เลือกทานแพลนต์เบส

ในฐานะผู้บริโภค เรามีพลังในมือ การที่เราใช้เงินซื้อของอะไรสักอย่าง เท่ากับว่าเรากำลังโหวตสนับสนุนกระบวนการของบริษัทนั้น เธอแนะนำให้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ ด้วยการเลือกทานอาหารจากพืชหรือ แพลนต์เบส ซึ่งดีต่อสุขภาพของเราเองและช่วยลดผลกระทบต่อโลก 

“ถ้าใครยังอยากบริโภคเนื้อสัตว์ ก็สามารถเลือกจากแหล่งที่เลี้ยงสัตว์อย่างมีสวัสดิภาพ เช่น ฟาร์มรายย่อยหรือฟาร์มที่ผ่านการรับรองจากองค์กรพิทักษ์สัตว์โลก เพราะการเลือกแหล่งที่มาของเนื้อสัตว์คืออีกหนึ่งวิธีที่เราจะช่วยส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์อย่างมีจริยธรรม”

สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นทาน แพลนต์เบส-Plant based food (รูปแบบการทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก แทนการบริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์) มารีญาแนะนำวิธีง่าย ๆ “ลองเริ่มจาก 1 วันต่อสัปดาห์ก่อน หรือหาเพื่อนหรือครอบครัวที่พร้อมจะเริ่มไปด้วยกัน มันจะสนุกและง่ายขึ้น ลองค้นหาเมนูที่ชอบหรือดูอินฟลูเอนเซอร์สายแพลนต์เบสที่มีอยู่เยอะมากในตอนนี้ หรือดูสารคดีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มันจะช่วยให้เราเข้าใจและรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงมากขึ้น” ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่เริ่มจากคนคนเดียว สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกได้อย่างมหาศาล

 

ที่มาภาพ : Maria Poonlertlarp