องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ตั้งมากกว่า 13 ปี ข้อมูล สมคบกันคอร์รัปชั่นไม่หมดไปจากสังคมไทย นี่คือ ’10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567’ ที่ทำคนไทย “เจ็บ” และ “จน” หลายกรณียัง “ไม่จบ” ทั้งหมดล้วนเกิดจากภาคเอกชนสมคบกับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการครอบงำ วิ่งเต้น ขาดความรับผิดชอบ ใช้อำนาจไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม เป็น “วิกฤต” ที่คนไทยต้องช่วยกันติดตามทวงถามและเฝ้าระวังต่อไป
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2554 ในชื่อ “ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน” บนแนวคิดริเริ่มของ คุณดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ในยุคที่ประเทศไทยเกิดการคอร์รัปชันอย่างหนัก จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในแวดวงราชการและนักการเมือง ส่งผลทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปมหาศาลกับการคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ และยิ่งปล่อยไปตลอด นับวันจะกลวิธีการที่ซับซ้อนและมีมูลค่าความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนภาคีเครือข่าย รวมตัวร่วมระดมความเห็นครั้งแรก เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันจาก ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศกว่า 23 องค์กร ” เพื่อแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน”อันเลวร้ายและบั่นทอนการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน
โดยในปี พ.ศ.2555 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เปลี่ยนชื่อเป็นองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) และได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิในปี พ.ศ.2557 ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 54 องค์กร ทำหน้าที่ติดตามปัญหาคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยถึงกรณี/คดีคอร์รัปชันที่ได้รับความสนใจและเป็นที่พูดถึงในสังคมวงกว้างในรอบปี 2567 ที่ผ่านมาว่า หลายกรณีเป็นการโกงกันซึ่งๆ หน้า ค้านสายตาประชาชน ที่สำคัญ ยังคงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดล้วนสะท้อนการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมายที่ขัดหลักนิติธรรมรุนแรง ทั้งนี้ 10 กรณีทุจริตคอร์รัปชันแห่งปี 2567 ประกอบด้วย
- กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ
นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่ แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง”
ถึงวันนี้นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก
- กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต
โศกนาฏกรรมนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบเลย! ไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่เราต่างรู้แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำความตายมาสู่ใครอีกก็ได้
- คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม
ศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แถมตำหนิ “ป.ป.ช.” ว่า ไม่ใส่ใจทำคดี คำพิพากษานี้ยังทำให้เกิดประเด็นต้องติดตามอีกว่า เป็นการเปลี่ยนหลักกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การหนีคดีของจำเลยทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ใช่หรือไม่?
- กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง
หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด กรมที่ดินและการรถไฟฯ โยนเรื่องกันไปมา เลือกหยิบยกข้อกฎหมายไปตีความจนบิดเบี้ยว มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วสมบัติของชาติจะได้รับการปกป้องหรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่อะไร ก่อนที่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเหล่านั้นจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวบนที่ดินหลวงในราคาแสนถูก
- กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิ้งค์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ อีอีซี จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
- กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ
เป็นดั่งยุคทองของพวกทำลายป่า เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนดใช้ทำมาหากินได้แทบทุกอย่าง ซื้อขายสิทธิ์ง่าย จำนองธนาคารได้ วันนี้ ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30อยู่ในมือนายทุน และยังคงถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆความสูญเสียเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากข้าราชการและนักการเมืองไม่มีเอี่ยว ความหวังยังพอมีเมื่อ ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และข้าราชการจำนวนหนึ่งกล้าปะทะกับอดีต รมว. เกษตรฯ เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้นมีพลังปกป้องผืนป่ามากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
- กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม
สังคมตื่นตระหนกเพราะกากแร่อันตรายที่เคยถูกกลบฝังกลับขุดมาขายได้ ขนย้ายผ่านไปหลายจังหวัด โดยประชาชนไม่รู้อะไรเลยเพราะทุกอย่างถูกปิดบัง กฎหมายและนโยบายของรัฐเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมแอบถูกแก้ไขและบิดเบือน ถึงวันนี้ทุกอย่างเงียบหาย ไม่ปรากฏข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดถูกลงโทษจริงจัง
- กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน
มีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 ฝ่าย หนึ่ง-เจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง อาหารและยา สอง-กลุ่มนักการเมืองใหญ่ สาม-กลุ่มนายทุนนำเข้า บริษัทชิปปิ้ง ทั้งนายทุนรับซื้อสินค้าไปจำหน่ายหรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อหมูแช่แข็งเถื่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ ผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อนทั่วประเทศ ขณะที่คนไทยต้องเสี่ยงภัยกับเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมา
- กรณีปลาหมอคางดำ
วิกฤตสัตว์น้ำขั้นรุนแรงกินวงกว้าง เกิดจากเอกชนรายใหญ่เห็นแก่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละมองข้ามความปลอดภัยของสังคมเกรงใจพ่อค้า โกงความคาดหวังของประชาชน
- กรณีดิ ไอคอน
คดีดังที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมกันเรียกรับสินบนของคนจากหลายหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และบุคคลที่สังคมเคยไว้วางใจ คดีนี้ฉุดกระชากเหล่าซาตานในคราบเทวดาให้ตกสวรรค์ เผยให้สังคมเห็นคอร์รัปชันที่ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อถูกรัฐทอดทิ้งยามเดือดร้อน
ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯยังกล่าวอีกว่า นอกจาก 10 กรณี/คดี ดังกล่าวมาแล้ว ภาพรวมของการทุจริตคอร์รัปชันในปี 2567 เกิดกรณีและคดีโกงแบบซึ่งๆ หน้ามากมายทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชนเช่น ข่าวสองนายพลตำรวจเอกต่างสาวไส้พฤติกรรมหากินกับบ่อนพนันออนไลน์ นายพลตำรวจดังแฉว่าตนรู้เห็นพฤติกรรมกรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่งวิ่งเต้นบิ๊กทหารเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ฯลฯ ไปจนถึงสินบนข้ามชาติและคนไทยต้องช็อกกับข่าวการโกงของคนดังที่สังคมไว้วางใจ เช่น หมอ ดาราดัง ทนายความ นักร้องเรียน ฯลฯ
แม้จะมีปรากฎการณ์ที่ช่วยพยุงจริยธรรมสังคมไทยให้เห็นอยู่บ้าง จากกรณีการถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีจากการลงนามแต่งตั้งผู้ที่เคยมีคดีทุจริตเป็นรัฐมนตรี ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัดแจ้ง และข่าวรัฐบาลฟินแลนด์ร้องเรียน 2 อดีตรัฐมนตรีแรงงานไทยเอี่ยวคดีค้ามนุษย์ รีดค่านายหน้าคนแรงไทยกันเอง แต่นับเป็นอีกปีที่เห็นได้ชัดว่า “รัฐบาลไม่ใส่ใจการต่อต้านคอร์รัปชัน” คอยแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แนวทางเช่นนี้จะทำให้สถานการณ์คอร์รัปชันเลวร้ายลง จนส่งผลเสียในการขับเคลื่อนนโยบายและการลงทุนโครงการของรัฐบาล เพราะจะทำอะไรสังคมก็ระแวง คัดค้าน ขาดความเชื่อมั่น
“เราจะเอาชนะคอร์รัปชันได้ก็ต่อเมื่อประชาชนและสื่อมวลชนเข้มแข็ง ติดตามและต่อต้านไม่ยอมให้ใครคดโกงบ้านเมืองแล้วเงียบหายไปเฉยๆ เช่นทุกวันนี้”ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯกล่าว