คนโสดมักรู้สึกว่า “วันวาเลนไทน์ไม่เกี่ยวกับเรา” แต่จริงๆ แล้วนี่คือโอกาสในการรักตัวเองและโลกพราะนอกจากจะช่วยให้มีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
โสดแล้วไง? โสดแล้วโลกยิ้มได้!
ทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลายคนอาจมองว่าเป็นวันแห่งความรักของคู่รัก แต่สำหรับคนโสดแล้ว วันวาเลนไทน์อาจรู้สึกเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะเปลี่ยนมุมมองและฉลองความโสดในรูปแบบที่ช่วยรักษ์โลกไปพร้อมกัน เพราะรู้หรือไม่ว่าการเป็นโสดสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้มากกว่าการอยู่เป็นคู่?
คาร์บอนฟุตพรินต์คืออะไร?
คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดำเนินชีวิตของเรามีผลต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหาร การเดินทาง การใช้พลังงาน และพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
เหตุใดการเป็นโสดจึงลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้?
- บริโภคน้อยลง
คู่รักมักมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคมากขึ้น เช่น การออกเดต การรับประทานอาหารนอกบ้าน และการให้ของขวัญในโอกาสต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการใช้พลังงานและทรัพยากรมากขึ้น ในขณะที่คนโสดมักมีแนวโน้มที่จะบริโภคน้อยลง กินอาหารง่ายๆ ทำอาหารเองที่บ้าน ซึ่งช่วยลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ - เดินทางน้อยกว่า
การเป็นคู่มักหมายถึงการเดินทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเดต การเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน หรือการพบปะครอบครัวของอีกฝ่าย ในขณะที่คนโสดมักเดินทางเฉพาะที่จำเป็นและมีแนวโน้มที่จะใช้การเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เดิน ขี่จักรยาน หรือใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว - ที่อยู่อาศัยและการใช้พลังงาน
งานวิจัยพบว่าครัวเรือนที่มีคนอยู่คนเดียวใช้พลังงานและทรัพยากรน้อยกว่าครอบครัวขนาดใหญ่หรือคู่รักที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เช่น การใช้ไฟฟ้า การเปิดแอร์ หรือแม้กระทั่งการใช้น้ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้คาร์บอนฟุตพรินต์ของคนโสดต่ำกว่าผู้ที่อยู่เป็นคู่ - ลดการบริโภคสินค้าแฟชั่น
การออกเดตหรือการมีคู่รักมักทำให้เกิดการบริโภคเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากขึ้น เนื่องจากต้องการสร้างความประทับใจ ในขณะที่คนโสดมักให้ความสำคัญกับการแต่งตัวเพื่อตัวเอง และมีแนวโน้มในการเลือกเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
โสด = เป็นมิตรกับโลก?
โอกาสดีที่จะหันกลับมารักตัวเองและโลกไปพร้อมกัน ผ่านไลฟ์สไตล์ที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์
1. ลองทำอาหารมังสวิรัติ ลดคาร์บอนฟุตพรินต์
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมคือการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทนซึ่งมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า คนโสดสามารถใช้โอกาสนี้ในการทดลองทำอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ แต่ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย การทำอาหารเองที่บ้านยังช่วยลดขยะพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป และลดการใช้พลังงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งอาหารจากร้านค้าไปยังผู้บริโภค
2. ใช้วันวาเลนไทน์เป็นโอกาสในการดูแลตัวเองและโลก
แทนที่จะรู้สึกเหงาในวันแห่งความรัก ลองเปลี่ยนเป็นวันของตัวเองและโลกใบนี้แทน ออกไปเดินป่า เที่ยวชายทะเล หรือเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น ปลูกต้นไม้ เก็บขยะชายหาด หรือเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นจากการได้ทำสิ่งที่มีความหมายแล้ว ยังเป็นการช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์จากกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยกว่าการใช้จ่ายไปกับของขวัญหรือดินเนอร์สุดหรูที่อาจมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตอาหารและของขวัญ
3. ลดการซื้อของขวัญฟุ่มเฟือยและเลือกของที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในช่วงวาเลนไทน์ ร้านค้าต่างๆ มักกระตุ้นให้ผู้คนซื้อดอกไม้ ช็อกโกแลต และของขวัญที่มาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและวัสดุที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง คนโสดสามารถเปลี่ยนวันแห่งความรักให้กลายเป็นวันรักษ์โลกได้โดยการลดการซื้อของฟุ่มเฟือย และเลือกของขวัญที่มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ต้นไม้ในกระถาง อุปกรณ์รีไซเคิล หรือแม้แต่การทำของขวัญ DIY ที่ใช้วัสดุเหลือใช้ การให้ของขวัญที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ได้จำกัดแค่สำหรับคู่รักเท่านั้น แต่เรายังสามารถมอบให้ตัวเองหรือเพื่อนฝูงเพื่อส่งเสริมแนวคิดการใช้ชีวิตที่ใส่ใจโลก
4. ไอเดีย Self-Love ที่ยั่งยืน
นอกจากการดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว เราควรดูแลตัวเองไปพร้อมกันด้วย ลองเปลี่ยนมุมมองของการรักตัวเองให้อยู่ในรูปแบบที่ยั่งยืน เช่น
- ปลูกต้นไม้: สร้างมุมสีเขียวให้บ้านหรือปลูกต้นไม้ในสวนสาธารณะเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มออกซิเจนให้กับโลก
- ออกเดินทางแบบ Eco-Friendly: ลองท่องเที่ยวแบบรักษ์โลกโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้พลาสติก และเลือกที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- บริจาคเพื่อสิ่งแวดล้อม: หากไม่รู้จะซื้ออะไรให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์ ลองนำเงินไปบริจาคให้กับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการอนุรักษ์ป่าไม้ การปกป้องสัตว์ป่า หรือโครงการลดขยะในมหาสมุทร
จากไลฟ์สไตล์กรีน ยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 13: Climate Action) ได้โดยตรง เช่น การเดินทางที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมาย Climate Action 2030 ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2030 และมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ตามข้อตกลงปารีส อีกด้วย




