รัก-โลภ-โกรธ-หลง ที่ขาดดุลยภาพ และไร้ซึ่ง “หิริ-โอตัปปะ”กำกับให้ชีวิตเคลื่อนไปในครรลองที่ดีงาม ย่อมเป็นความเสี่ยงสูงยิ่งที่จะทำให้ต้อง “ตกนรกตายทั้งเป็น” เฉกเช่นกรณี 4 หญิง+1 ชาย ที่ก่อคดีฆาตกรรมอำมหิต “ฆ่าหั่นศพ” ในท้องที่สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีอานุภาพ เขย่าขวัญสะท้านสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วบ้านทั่วเมือง
ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุอุกฉกรรจ์อมหิต 4 หญิงประกอบด้วย ปรียานุช โนนวังชัย วัย 24 ปี..กวิตา ราชคา วัย 25 ปี..อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต วัย 26 ปี…และจิดารัตน์ พรหมคุณ วัย 21 ปี กับอีก 1 ชาย คือ วศิน นามพรหม วัย 25 ปี
ตามพฤติกรรมแห่งคดีบ่งชี้ว่า ปรียานุช โนนวังชัย หรือ”เปรี้ยว” มีบัญชีแค้นต้องชำระอยู่กับ วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ”แอ๋ม” วัย 22 ปี ด้วยเหตุ”แอ๋ม” ซัดทอดว่าผัวของเธอ ค้ายาเสพติด ทำให้ผัวของเธอโดนจับติดคุก
“เปรี้ยว” พกพาความแค้นวางแผนล่อลวง “แอ๋ม”ไปหวังจะยำใหญ่เพื่อล้างแค้น แต่จัดหนักจัดเต็มเกินพิกัดกระทั่งกลายเป็นการฆาตกรรม
แทนที่เธอจะหยุดวงจรชั่วไว้แค่นั้น เธอกลับถลำลึกเข้าไปในบ่วงบาปด้วยการ “ชำแหละ-ซ่อนเร้นอำพรางศพ” โดยมีเพื่อนอีก 4 คนร่วมมือ
ล้วงลึกลงไปมากกว่าพฤติกรรมแห่งคดี ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เหมือนจะเข้าข่าย “สวิงกิ้ง” ..ไม่ใช่ผัว ไม่ใช่เมีย แต่ลึกซึ้งเกินก้ำกว่าคำว่าเพื่อน
ยิ่งไปกว่านั้นบางคนใน 5 ผู้ต้องหายังมีประวัติผ่านงาน “บริการ”แบบข้ามชาติมาแล้วอย่างโชกโชน ทั้งมาเลเซีย..ไต้หวัน…เมียนมาร์…ลาว
ทำนองเดียวกันตัวเหยื่อที่ถูกกระทำฆาตกรรม ก็จัดเป็นสาวพราวเสน่ห์ เป็นที่ต้องตาต้องใจทั้งหนุ่มแท้และหนุ่มเทียม
ก่อนที่จะเคราะห์ร้ายถูกฆาตกรรม เธอมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ทั้งคนแต่ก็ยังคบหากับหนุ่มเทียม ประเภทสาวหล่ออย่างเปิดเผย มากกว่า 1 คน
อย่างไรก็ดีในทางสืบสวนคลี่คลายคดี ไม่พบความเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม กับ บรรดาหนุ่มแท้ หนุ่มเทียมที่มาติดพันกับเหยื่อที่ถูกฆาตกรรม
ข้อน่าสงสัยที่ยังคงเป็นปริศนาในการสืบสวนคลี่คลายคดีของตำรวจ ยังคงมีอยู่หลายประเด็น
ประเด็นแรก บันเทิงสถานสปา-คาราโอเกะที่เหยื่อ+ผู้ต้องหา ทำงานบริการอยู่ น่าสงสัยเป็นตลาดมืดในการจำหน่ายจ่ายแจกยาเสพติดหรือไม่
ประเด็นที่สอง “ผัว”ของ“เปรี้ยว” ที่ต้องโทษจำคุกคือใคร และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มไหนอย่างไร
ประเด็นที่สาม รีสอร์ตในเมืองขอนแก่นที่กลุ่มผู้ต้องหาไปเปิดห้องชำแหละศพ เป็นของใคร และทำไมเปิดทางสะดวกให้กลุ่มผู้ต้องหาแบกศพเข้าไปชำแหละ โดยไม่ปรากฏการลงทะเบียนผู้เข้าพักตามกฏหมาย
ประเด็นที่สี่ จุดที่กลุ่มผู้ต้องหานำชิ้นส่วนศพไปฝัง ซ่อนเร้นอำพราง เป็นที่ดินของใคร และเหตุใดกลุ่มผู้ต้องหาจงใจนำศพไปทิ้งที่นั่น
ประเด็นชวนคิด ชวนพิศวงยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีช่วงอายุ 21-26 ปี ซึ่งจัดเป็นช่วงวัยของ “วัยรุ่นตอนปลาย” เหตุใดจึงถูกอิทธิพลแห่งรัก-โลภ-โกรธ-หลง ครอบงำแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้ห่างไกลจากศีลธรรม และเข้มข้นไปด้วยความเหี้ยม อมหิตได้ถึงเพียงนี้
ประตูนรกที่กำลังเปิดกว้างต้อนรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ นับเป็นอีกปรากฏการณ์สะท้อนภาพสังคมไทย..สถาบันครอบครัวไทยที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าขั้นสาหัส และต้องการการเยียวยาอย่างด่วนที่สุด !!!
โดย : ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค