กลลวง “ลุงตู่” ฟอกขาวการเมืองไทย

กลลวง “ลุงตู่” ฟอกขาวการเมืองไทย


4 คำถามลอยลมจากพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  อุปมาเหมือนดั่งทิงเจอร์ที่ถูกสาดราดรดไปบนสันหลังพันธุ์การเมือง ถึงขั้นส่งเสียงร้องดังเซ็งแซ่….เอ๋ง..เอ๋ง…เอ๋ง !!!

อิทธิพลแห่งโทสะ+โมหะที่ครอบงำสติปัญญาให้มืดบอด ทำให้เกิดการถอดรหัสตีความถ้อยวาจาปุจฉา 4  ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ ไปแบบหลงทิศผิดทาง โดยทึกทักเป็นตุเป็นตะ ทำนองเสพติดอำนาจ ต้องการต่อเวลายืดอายุการครองอำนาจให้ยาวนานออกไป ด้วยเล่ห์อุบายชักแม่น้ำทั้งห้ามาเป็นข้ออ้างเตะถ่วง หน่วงเหนี่ยวการจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่เจตนารมณ์แท้จริงของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะลึกล้ำเกินกว่าคำปรามาสสบประมาทหลายเท่าทวีคูณ

หากวิญญูชนทั้งหลายไปได้สติปัญญา พินิจพิเคราะห์สาระสำคัญแห่งคำถามลอยลม 4 ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ ในลักษณะเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ฉบับ ก่อนที่จะไปสู่หมุดหมายกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งนักการเมืองทั้งหลายเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ  น่าจะหยั่งถึงความล้ำลึกแห่งเจตนารมณ์แท้จริงของพล.อ.ประยุทธ์ได้ไม่ยาก

ท่าทีปรารภคำถาม  4  ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเหมือนต้องการประชดประชันใครบางคน..บางพวก แต่แท้จริงแล้วนั่น น่าจะเป็นปฏิบัติการ “ลับ-ลวง-พราง” เพื่อแสวงหาชุดข้อมูลที่สะท้อนกลับจากมหาชนไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำเนื้อหาในร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ภายใน 240 วันหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ 4 คำถาม ที่พรั่งพรูมาจากทั่วทุกสารทิศ น่าจะถูกพล.อ.ประยุทธ์ นำไปใช้ประโยชน์ในการบัญญัติไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อย่างน้อย 4 ฉบับ ในจำนวน 10 ฉบับ คือร่างกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง…ร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร…ร่างกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา…และร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

หลากหลายคำตอบที่สะท้อนกลับ 1 ใน 4 คำถามซึ่งถามว่า “นักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณีควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่  หากเข้ามาได้อีก เกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร?” น่าเชื่อว่าจะต้องถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดคุณสมบัติบุคคลที่จะเข้าสู่การเมือง ไม่ว่าจะโดยผ่านสังเวียนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา อย่างแน่นอน

หากมติมหาชน มีความรังเกียจเดียดฉันท์ ไม่ต้องการให้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี เข้าสู่การเมือง เห็นทีบรรดาอดีตนักการเมืองหรือว่าที่นักการเมืองทั้งหลายที่”มอมแมม” ไปด้วย “ความไม่เหมาะสมทุกกรณี” มีแนวโน้มที่จะถูก “ปิดประตูตาย” กลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้กล้ำกรายเข้าสู่การเมืองตลอดชีวิต

ใครก็ตามที่อาจจะเคยถูกไล่ออก-ให้ออก-ปลดออก หรือใครก็ตาม ที่อาจจะเคยถูกคำพิพากษาให้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าจะรอลงอาญา หรือไม่รอลงอาญา  อาจถูกเหมาเป็นผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี และเข้าข่าย “หมดสิทธิ์”เข้าสู่การเมือง

ลวดลายลีลาของพล.อ.ประยุทธ์ กับอุบายลวงปุจฉา 4 คำถาม ต้องถือว่า “เข็มขัดสั้น”จริงๆ !!

……………………………………………………..