ลางร้ายเศรษฐกิจโลก

ลางร้ายเศรษฐกิจโลก


ช่วงปลายสัปดาห์กลางเดือนมีนาคม 2560 มีเหตุการณ์สำคัญที่สร้างความหวาดหวั่นขวัญผวาอุบัติขึ้นในโลกในระยะเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 เหตุการณ์

เหตุการณ์แรกคือ การบุกรังพญาอินทรีของ “นางพญาแห่งแดนอินทรีเหล็ก” นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเยอรมนีที่บุกไปจับเข่าคุยกับ “ผู้นำปากไร้หูรูด” ถึงทำเนียบขาว

เหตุการณ์ที่สองคือ การประชุมผู้นำเศรษฐกิจกลุ่มประเทศจี – 20  ที่นครเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

เหตุการณ์แรกลงเอยด้วยความเย็นชา ภายใต้บรรยากาศอิหลักอิเหลื่อผะอืดผะอมกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าต่อตาสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่

สาระการสนทนาระหว่างผู้นำประเทศเจ้าบ้านคือ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับผู้นำประเทศผู้เยือนคือนายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีเป็นไปลักษณะที่ฝ่ายเจ้าบ้านถากถางทับถมผู้มาเยือน ด้วยการเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลเยอรมนีเพิ่มเงินสนับสนุนเพิ่มเติมแก่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ (นาโต้) พร้อมกับแสดงท่าทีชัดเจนที่จะทบทวนข้อตกลงทางการค้าที่สหรัฐอเมริกามีอยู่กับสหภาพยุโรป เพื่อนำไปสู่การเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์จากเยอรมนีให้สูงขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำประเทศเจ้าบ้านยังเสียมารยาทอย่างร้ายกาจต่อหน้าต่อตากลุ่มผู้สื่อข่าว ด้วยการบ่ายเบี่ยงการ “จับมือ” กับผู้นำเยอรมนี ทำเอาผู้นำเยอรมนีได้แต่ทำหน้าปู้เลี่ยนปู้เลี่ยน..พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนแบกหน้าสู้กล้อง ขณะที่ผู้นำประเทศเจ้าบ้านก็เบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบตาผู้นำเยอรมนีแม้แต่น้อย

เหตุการณ์ที่สองก็เป็นไปในท่วงทำนองเดียวกันทุกประการกับเหตุการณ์แรก โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกาที่ไปร่วมเวทีประชุมจี – 20 ทุกลมหายใจเข้าหายใจออกมีแต่เรื่อง “อเมริกันต้องมาก่อน”(American First) ขณะที่อีก 19 ชาติที่เหลือพยายามจะเดินหน้าการค้าเสรีและผนึกกำลังกันเพื่อสู้กับภาวะโลกร้อน

สุดท้ายเวทีประชุมจี – 20 ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็น “แกะดำ” ก็จบลงด้วยความล้มเหลว หาสาระแก่นสารใด ๆไม่ได้แม้แต่น้อย

ซ้ำร้ายรัฐมนตรีคลัง สหรัฐอเมริกา ยังจับคู่หักเหลี่ยมเฉือนคมคิดปะฉะดะคมปัญญาว่าด้วยประเด็นเศรษฐกิจการค้าอีกต่างหาก

ฝ่ายรัฐมนตรีคลัง สหรัฐอเมริกา แสดงท่าทีจะรีดภาษีนำเข้าสินค้าจากเยอรมนีเพิ่มขึ้น เพื่อคุ้มครองสภาพการจ้างงานในตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา

ฝ่ายรัฐมนตรีคลัง เยอรมนี สวนกลับว่าหากสหรัฐอเมริกากระทำเช่นนั้นก็จะร้องเรียนเรื่องนี้ต่อองค์การการค้าโลก

ปฏิกิริยาที่ผู้นำสูงสุดและรัฐมนตรีคลังของสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี จับคู่ฟัดกันนัวเนียเป็นปรากฏการณ์ที่น่าขนลุกขนพองสยดสยองอย่างยิ่ง…เกรงว่าประวัติศาสตร์วิกฤตหุ้นโลกจะหวนกลับมาอุบัติซ้ำรอยในวาระโอกาสครบรอบ 30  ปีพอดิบพอดี

เมื่อ 30 ปีก่อน รัฐมนตรีคลัง เยอรมนี กับรัฐมนตรีคลัง สหรัฐอเมริกา ก็เปิดวาทะพิพาทกันด้วยประเด็นเห็นต่างทางเศรษฐกิจ และบานปลายกลายเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤตการแบลคมันเดย์ ฉุดให้ตลาดหุ้นดิ่งระเนระนาดทั่วทั้งโลก

จากปีนั้นถึงปีนี้ กาลเวลาผ่านไปครบรอบ 30 ปีพอดิบพอดีแถมให้ประจวบเหมาะรัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกากับรัฐมนตรีคลัง เยอรมนีก็เกิดงัดข้อกัน คล้ายคลึงกับเมื่อ 30 ปีก่อน ซ้ำคราวนี้ยังพ่วงมวยคู่เอกระดับเฮฟวี่เวทระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเข้าไปสมทบอีกด้วย จึงยิ่งเป็นลางร้ายเศรษฐกิจโลกที่น่าหวาดหวั่นขวัญผวาเป็นเท่าทวีคูณ

โดย ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค