พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่าตนอยากให้คนไทยน้อมนำแนวคิดและวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการบริหารการเงินของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตามที่ “สมเด็จย่า” ได้ทรงอบรมสั่งสอนตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างความมั่นคงของชีวิต เพื่อจะลดปัญหาปากท้อง หนี้สินและป้องกันปัญหาสังคมได้ตั้งแต่ในระดับครัวเรือน อาทิเช่น รู้จักการอดออม โดยทรงฝากเงินในธนาคาร และเรียนรู้การคำนวณดอกเบี้ย รู้จักการลงทุนและการสร้างรายได้ โดยทรงซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูก แล้วเก็บไปขาย รู้จักการให้ ได้ตั้ง“กระป๋องคนจน” ซึ่งทรงสละเงิน 10% จากกิจกรรมที่มีกำไร สำหรับนำไปมอบให้โรงเรียนตาบอด, เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
สำหรับในส่วนของโครงการตัวอย่างที่ตนเห็นว่าสมควรสนับสนุนและน่าชื่นชม ได้แก่โครงการ “ออมวันละน้อยตามรอยสมเด็จพ่อ สานต่อเศรษฐกิจพอเพียง” ของโรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นการดำเนินตามนโยบาย“ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”ของรัฐบาลได้มีการสอนให้เด็กนักเรียนเป็น“นักธุรกิจตัวน้อย” โดยนำสินค้าเล็ก ๆน้อย ๆรวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ ของเล่น อาหาร จากกิจกรรมนอกเวลาเรียน มาซื้อ-ขายใน “ตลาดนัดร้อยร้าน” ที่ทางโรงเรียนจัดเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ เพื่อจะส่งเสริมให้เด็กๆ นั้นได้รู้จักการเป็นทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ, ได้รับประสบการณ์จริงจากการประกอบอาชีพค้าขาย
ทั้งนี้เป็นการสอนให้เด็กได้รู้จักเทคนิคการขาย การเรียกลูกค้าและเห็นคุณค่าของเงิน รู้จักการออม การบริหารการเงิน จัดทำบัญชี มีการเก็บเงินบางส่วนไว้เป็นทุนการศึกษาและซื้ออุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ อีกด้วย สิ่งที่สำคัญคือสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ไม่ว่าจะตอนเด็ก หรือเมื่อเป็นผู้ใหญ่แนวคิดดังกล่าวถือเป็นการสานต่อ “ศาสตร์พระราชา” ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล เพื่อจะปลูกฝังให้เยาวชนของชาติ ได้มีทักษะทางธุรกิจ ตั้งแต่ต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง และรู้คุณค่าของเงิน การบริหารการเงิน รวมทั้งการออมอีกด้วย โดยนี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าการพึ่งพาตนเอง มีความเข้มแข็งตั้งแต่ในระดับฐานราก ช่วยครอบครัวได้อีกด้วย
สำหรับเรื่องที่ตนต้องกล่าวถึงอีกเรื่องคือเรื่องเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ ทั้งด้านเกษตรกรรม, การบริหารจัดการน้ำ, อาชีพอิสระ, SMEs, Start-up เหล่านี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและต้องดูแลทั้งหมด และไม่เคยละเลยเศรษฐกิจระบบฐานราก โดยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างความเข้มแข็ง พัฒนาความรู้ ฝีมือแรงงาน มาตรฐานแรง สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจบน กลาง ล่าง เข้าด้วยกันให้ได้
ขณะเดียวกันการลดหนี้ประชาชน สร้าง SMEs ให้เข้มแข็ง แก้ไขหนี้นอกระบบ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐ มียุทธศาสตร์ต่อเนื่องเชื่อมโยง จำเป็นจะต้องอาศัยความเชื่อมั่นของคนไทยทุกคน
อย่างไรก็ตามในส่วนของรัฐบาลเองก็ได้ให้ความสำคัญ กับเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยถือเป็น“วาระแห่งชาติ” จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาลให้กับพี่น้องประชาชน
สุดท้ายนี้ตนอยากจะบอกว่าวันนี้เรากำลังทำในสิ่งที่ยากร่วมกันอยู่ บางอย่างเราอาจจะไม่เคยทำมาก่อน แต่หากเราประพฤติโดยชอบ โดยธรรม ประพฤติโดยชอบประกอบโดยธรรมแล้ว ตนอยากเสนอให้ทุกคนประสบความสำเร็จสมกับที่ทุกคนมั่งหวังตั้งใจ