รายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครลอสแอนเจลิส กล่าวถึงธุรกิจบริการบำบัดด้วยการนวดในสหรัฐฯว่า
อุตสาหกรรมการบำบัดด้วยการนวด (massage
therapy) ของสหรัฐฯในปี 2558 มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 12.1
พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสถานบริการนวด (massage parlor)ที่เป็นแบบเอเชียและคนเอเชียเป็นเจ้าของ หลายท้องถิ่นรายงานว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจนวดแผนไทยในสหรัฐฯ
เป็นธุรกิจบริการที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตและอาจจะนำไปสู่การขยายตลาดสินค้าสปาและสินค้าอื่น
ๆได้
การเติบโตของธุรกิจให้บริการนวดเป็นผลมาจากการเติบโตของจำนวนธุรกิจด้านการแพทย์ที่ยอมรับประโยชน์ของการนวด
ช่วยในการบำบัดรักษาโรค/อาการเจ็บป่วยบางประเภทได้
สาเหตุอีกประการหนึ่งสืบเนื่องมาจากสหรัฐฯไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดชัดเจนในการควบคุมธุรกิจการให้บริการนวด
และการเปิดธุรกิจสถานบริการนวดสามารถทำได้ง่ายเพราะมีค่าใช้จ่ายของการเริ่มต้นทำธุรกิจต่ำ
กระทรวงแรงงานของสหรัฐ (US Department of Labor) คาดการณ์ว่าในระหว่างปี 2555
– 2565 จำนวนแรงงานที่เป็นผู้ให้การบำบัดรักษาด้วยการนวด (massage
therapists) ในสหรัฐฯจะขยายตัวร้อยละ 23 ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่เร็วกว่าอัตราขยายตัวของแรงงานสหรัฐฯโดยรวมถึงสองเท่าตัว
ทั้งนี้มีตัวอย่างของธุรกิจสถานบริการนวดในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้รับความนิยมสูง
มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก สมาคมการนวดบำบัดแคลิฟอร์เนีย(California Massage Therapy Council) ระบุว่า ในปี 2558 รัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรประกอบอาชีพบำบัดด้วยการนวดจำนวน 51,885 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 โดยประมาณ 5,400 รายพักในเมืองที่คนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่หนาแน่น ได้แก่มอนเทอเรย์ ปาร์ค
เซ็น กาเบรียน โรสมีด และอัมบรา
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของไทย
นักธุรกิจไทยที่ประกอบธุรกิจบริการนวดแผนไทยในสหรัฐฯควรรู้และเข้าใจในการประกอบธุรกิจด้วยตนเอง
มีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์การนวดแผนไทย หรือเข้าใจเงื่อนไขเพื่อการขอรับความช่วยเหลือ
หรือ สนับสนุนจากองค์กรใด และความเคลื่อนไหวในกฎระเบียบต่างๆ
เพื่อสร้างช่องทางและโอกาสในการขยายตลาด ปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทยจะต้องศึกษาศาสตร์การนวดแบบอื่นที่องค์กรที่ควบคุมการออกประกาศนียบัตรผู้ประกอบอาชีพให้บริการนวดในสหรัฐฯรับรอง
ที่มา : thaiquote