พร้อมกันนี้ได้แสดงความยินดีกับคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนหญิง อายุ 12 – 21 ปีที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ “เหรียญทอง” การขับร้องประสานเสียงชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 9 ณ เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย โดยได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ค่ำแล้ว” มาเป็นเพลงที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
ในการเดินหน้าประเทศสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” รัฐบาลมีกรอบนโยบายที่ชัดเจนสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของโลก โดยประเทศไทยต้องอาศัยความได้เปรียบเชิงพื้นที่เป็นศูนย์กลางในหลาย ๆ ด้านอาทิ ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ ขนาด 1 เมตร เฟสแรก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 905 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 เฟสที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,600 กว่ากิโลเมตร และเฟสที่ 3 จำนวน 4 เส้นทาง ระยะทาง 800 กว่ากิโลเมตร ทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จและทยอยเปิดให้บริการภายในปี 2565 รวมถึงการสร้างรถไฟความเร็วสูง พัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ท่าเรือ Ferry ขยายศักยภาพสนามบินอู่ตะเภา เชื่อมสู่ประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกอาเซียน
รัฐบาลได้สนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชนท้องถิ่น โดยให้บรรจุไว้ใน “แผนพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัด 4.0” คาดว่าปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เดินทางมาไทยประมาณ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2 ล้านคนจากปี 2559 สร้างรายได้เข้าประเทศราว 2.84 ล้านล้านบาท ส่งเสริมการจัดตั้ง “เมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis” เพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ป้อนอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งการยกระดับความสามารถของ Startup/SMEs และ OTOP ประชารัฐ เป็น OTOP Classic 4-5 ดาว OTOP Premium และ OTOP Go Inter ล่าสุดคณะรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือสินค้าชุมชนด้วยมาตรการ “ช็อปช่วยชุมชน” โดยซื้อสินค้า OTOP ประชารัฐ สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจำนวนที่ซื้อจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท เริ่มวันที่ 1 ถึง 31 สิงหาคม 2559
ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ICT รัฐบาลได้เร่งลงทุนในเฟสแรกไปแล้วในปี 2559 คือ “โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกหมู่บ้าน ใช้งบประมาณ 15,000 ล้านบาท เฟสสองในปี 2560 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ยกระดับเป็น “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” ตั้งเป้าบ่มเพาะผู้ประกอบการ Tech Startup, SMEs และ Micro SMEs ประมาณ 1,500 ราย ภายใน 1 ปี 6 เดือน พัฒนาสินค้าต้นแบบพร้อมผลิตราว 300 รายการ ร้านค้าออนไลน์ชุมชนอย่างน้อย 1 หมื่นราย บ่มเพาะเกษตรกรดิจิทัล หรือ Smart Farmer จำนวน 1,600 คน บ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ให้มีการค้าขายออนไลน์ครบวงจรให้ได้ 15,000 ราย และการสร้างมาตรฐานสินค้าออนไลน์ 1 แสนราย เป็นต้น
สำหรับ “ตลาดนัดชุมชน” เกิดขึ้นมาแล้ว 2,039 แห่งในรัฐบาลนี้ มียอดการจำหน่ายรวมกว่า 5,600 ล้านบาท ต่อไปต้องขยายให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น พัฒนาไปสู่ตลาดอินทรีย์ เกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ท้ายที่สุดคือการเดินไปสู่ “ตลาดประจำตำบล ตลาดประจำอำเภอ”
ในเรื่องของแรงงาน ทุกคนต้องปรับตัว ยกระดับตนเองด้วย “ความรู้” สมัยใหม่ โดยได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจความต้องการแรงงานในอนาคต เพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมทักษะและความรู้ ซึ่งมีตัวเลขทางสถิติประมาณการความต้องการแรงงานในอีก 10 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2568 จะเพิ่มขึ้น ราว 2 ล้านคน เป็น 39.34 ล้านคน
ในช่วงระหว่างวันที่ 14 ถึง16 กรกฎาคม 2559 นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรป หรือ ASEM ครั้งที่ 11 ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ซึ่งมีการหารือของผู้นำประเทศสมาชิก ASEM ทั้ง 51 ประเทศ ในเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาอย่างยั่งยืน เรื่องของการเตรียมการรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมความเชื่อมโยง การรักษาความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งจะได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ในทศวรรษที่ 3 ร่วมกัน โดยนายกฯกล่าวปิดท้ายว่า ในช่วง “วันหยุดยาว” นี้ ขอให้ทุกคนใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับครอบครัว มีความสุขและเดินทางปลอดภัย