ดัน “อุตฯยานยนต์ยุคใหม่” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดัน “อุตฯยานยนต์ยุคใหม่” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


และได้มีการพัฒนาข้าวไทยในทุกด้านเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศ  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบถวายพระราชสมัญญาแด่พระองค์ท่านว่าทรงเป็น  “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”  และในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. 2559 นี้เป็นวันคล้ายวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย ทรงเป็นประธานมูลนิธิจุฬาภรณ์ มี “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์”  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์สาธารณสุข ตลอดจนให้บริการทางการแพทย์ ไปเผยแพร่และประยุกต์ใช้งานนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ “ทรงพระเจริญ”

   สำหรับเรื่องการพัฒนาประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”  วันนี้รัฐบาลได้นำแนวทาง “ประชารัฐ” เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ อุดรอยรั่ว ช่องโหว่ของภาครัฐ  ร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี บนวิสัยทัศน์เดียวกันก็คือ “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นการขับเคลื่อนประเทศบนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์  นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้เกิดความสมดุลกับทางสังคม และสิ่งแวดล้อม  โดยได้กำหนด 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิเช่น  กลุ่มอาหารและเกษตรกรรม มีการจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหาร   กลุ่มสุขภาพ มีการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ทั้งสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเป็น  Medical Hub ในภูมิภาค  กลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อัตโนมัติ 

กลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) มีศักยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม คิดเป็นร้อยละ 39 ของเศรษฐกิจประเทศ  กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ โดยได้วางกรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 2.2 ล้านล้านบาท  ทั้งทางบก ทางราง ท่าเรือ ทางอากาศ เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายโดยได้มอบหมายให้มีการทำแผนการลงทุนแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

 สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีความแข็งแกร่ง เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่มีศักยภาพ สามารถผลักดันการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นทิศทางของโลก ในอนาคต ในระยะยาว แทนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทีมาจากฟอสซิลในอนาคต  เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์พลังงานชีวภาพ ไบโอดีเซล  เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และ “Eco car” เป็นต้น 

นอกจากนี้รัฐบาลยังมีการผลักดันอุตสาหกรรมดิจิตัลที่เป็นเหมือน “กระดูกสันหลัง” ในด้านข้อมูลข่าวสาร เพื่อรองรับการพัฒนากิจกรรมต่างๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้ง “วิสาหกิจเริ่มต้นใหม่” Start-up ที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ในหลายเรื่องได้แก่  1.  การปรับปรุงกฎหมาย ให้ทันสมัย เป็นสากล รองรับการเติบโตของ Start-up ซึ่งเป็นไปตามกระแสของโลกในปัจจุบัน  2.  เรื่องมาตรการทางภาษี การเงิน การคลัง  3. การสร้างแรงจูงใจ การอำนวยความสะดวก ช่วยการดึงนักลงทุน นักการตลาด นักวิจัย ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาลงทุน ทำงานในเมืองไทย  4. บทบาทของภาครัฐในการเป็นผู้กำกับด้านนโยบาย อาทิ ผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในระบบ ICT  การคมนาคมสื่อสาร  อินเทอร์เน็ต ให้เกิดการเชื่อมองค์ความรู้  เทคโนโลยี สำหรับนักวิจัยหน้าใหม่  ในลักษณะ “ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ”  และขับเคลื่อนแล้ว ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม Digital Economy เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”     สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาทุจริต คอรัปชั่น ล่าสุดสถาบันและองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ได้แก่ CPI CSI PERC IOD PWC  และจุฬาฯ   ได้มีการประเมินสถานการณ์ในเรื่องคอรัปชั่น และภาพพจน์ของประเทศในสายตาของคนไทย และนานาชาติ  พบว่า  สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศ “ดีที่สุด ในรอบ 3 ปี”  ภาพลักษณ์ประเทศ ด้านความโปร่งใส ในสายตานานาชาติ “ดีที่สุด รอบ 10 ปี” และ การเรียกรับสินบน “ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว” และมีแนวโน้มจะลดลงอีก   ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาล และ คสช. ได้ผลักดันกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ   รวมทั้ง มาตรการ  กลไก  นโยบายต่างๆ ในการทำงานทั้งหมดที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งหมด โดยขอขอบคุณประชาชน  ภาคธุรกิจ การค้าต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือด้วยกัน 

สำหรับเรื่องการปรับปรุงพัฒนาตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบนั้นในวันที่  5-24 ก.ค.นี้ จะมีการจำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติและชุมชน มีกิจกรรมสร้างจิตสำนึก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ การลดใช้ถุงพลาสติกการเพิ่มใช้ถุงผ้าเป็นต้น  

นอกจากนี้ในการปรับปรุงพัฒนาคลองต่างๆในพื้นที่ กทม.ได้ให้นโยบายกับทาง กทม. ซึ่งก็ได้เริ่มปฏิบัติไปแล้ว คือการนำเรือมาวิ่งให้บริการผู้โดยสาร อาจจะเป็นลำเก่าก่อน เป็นเวลาไหนที่ระดับน้ำสามารถวิ่งได้ก็วิ่ง ระดับไหนที่วิ่งไม่ได้ก็ต้องหยุดไปก่อน เพื่อเป็นการเริ่มต้น ต่อไปก็ต้องมีการวางแผนงานที่จะทำให้มันสมบูรณ์ในอนาคตด้วย และอีกประการหนึ่งได้มีนโยบายให้มีเรือขายกาแฟ  เรือก๋วยเตี๋ยว  และในวันหน้าอาจจะมีเรือจ้าง เรือแจวเรือจ้าง เรือเงียบๆเป็นเรือท่องเที่ยว มีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ มีห่วงยาง ให้เรียบร้อย และต่อไปขยายพัฒนาคลองอื่นๆไปด้วย  

และเรื่องสุดท้ายขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในการแข่งขันกับทีมชาติบราซิลในวันพุธที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และช่วยกันเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ปรีย์ 2016 รอบสุดท้าย ณ อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 6-10  ก.ค.นี้ และขอขอบคุณทีมวอลเลย์บอล ขอให้ทำเต็ม รักษาสุขภาพให้ดี