โดยเฉพาะบนเส้นทางการค้าของสองประเทศซี่งเป็นโอกาสอันดี
ในการขยายตลาดสินค้าของไทย ตลอดจนสินค้าภาคการเกษตรที่ยังคงเป็นที่ต้องการของรัสเซีย
รวมถึงด้านการท่องเที่ยวที่ไทยเป็นประเทศที่ชาวรัสเซียให้ความสนใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด
ขณะที่ความต้องการของไทยเกี่ยวกับเทคโนโลยีในด้านต่าง
ๆที่รัสเซียมีความชำนาญ และในเรื่องของการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างกัน และอีกประเด็นที่จะมองข้ามไม่ได้นั่นคือ
การเดินทางไปรัสเซียครั้งนี้อาจพ่วงถึงการมองหาลู่ทางเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่รัสเซียมีความเชี่ยวชาญในระดับโลก
เกี่ยวกับการเดินทางไปของดร.สมคิด
และคณะในนามรัฐบาลไทยครั้งนี้ หัวข้อและนัยยะสำคัญทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นบนโต๊ะการเจรจาระหว่างประเทศจะมีทิศทางเป็นอย่างไร
“ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร” นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในฐานะ คณะกรรมการ บริหารโครงการรัสเซียศึกษา เปิดเผยกับ “THAI QUOTE”ว่า
“เป็นเรื่องที่ดีเพราะนับตั้งแต่รัสเซียมีการเปลี่ยนแปลง
มีทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างน่าจับตามอง ควรจะขยายความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆโดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน
สำหรับประเทศรัสเซียแล้วเป็นประเทศที่มีการพัฒนาในเรื่องเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
จากยุคความเปลี่ยนแปลงสมัยเมื่อเป็นสหภาพโซเวียตจนถึงปัจจุบัน ในด้านเทคโนโลยีนั้นรัสเซียก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ตรงนี้เป็นจุดที่น่าสนใจ ที่บางอย่างอาจปรับใช้มาเข้ากับประเทศไทยได้
ส่วนการเดินทางไปของคณะรองนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
มองว่าเป็นการเดินทางไปในระดับนโยบายซึ่งเชื่อว่าจะเน้นเรื่องการเจรจาแลกเปลี่ยนทางด้านการค้าและธุรกิจระหว่างกันเป็นหลัก ส่วนเรื่องการจัดซื้ออาวุธที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันนั้นน่าจะมีโอกาสน้อย
น่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนมากกว่า
เพราะแต่เดิมสำหรับไทยแล้วอาวุธจากรัสเซียนั้นก็ไม่น่าจะเป็นที่นิยมเท่าไหร่
คิดว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ของดร.สมคิดและคณะ
ไม่น่าจะพูดกันในเรื่องของอาวุธ แต่น่าจะเป็นการเจรจามองหาลู่ทางทางการค้าเป็นหลัก
มองความต้องการของรัสเซียที่จะมาเป็นช่องทางการขยายตลาดให้กับสินค้าไทย และมีสินค้ากลุ่มอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ที่สำคัญคือไม่ใช่เฉพาะสินค้าที่รัสเซียต้องการ
แต่มีสินค้าหลากหลายที่ไทยเองก็ต้องการจากรัสเซียในรูปแบบของวัตถุดิบ
เพราะรัสเซียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก รวมถึงการการเจรจาหารือทางการค้าอาจเกี่ยวพันไปกับการเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างสองประเทศอีกด้วย
ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญ ๆ
ของไทยอย่างข้าวนั้น เดิมไทยกับรัสเซียมีการค้าขายข้าวกันมายาวนานแต่อาจติดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องข้อตกลงแลกเปลี่ยนการชำระเงิน
ซึ่งครั้งนี้คิดว่าการเดินทางไปคงไม่พูดกันเรื่องเก่า แต่คณะของรองนายกรัฐมนตรีคงจะไปมองกันเรื่องของการเปิดตลาดใหม่
ๆ ให้กับประเทศไทยเป็นหลัก และเป็นการเดินทางไปเยือนในระดับนโยบายซึ่งเป็นการเปิดทางให้กับภาคเอกชนที่จะขยายตลาด
ขยายความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-รัสเซียต่อไป
ด้าน “รศ.ดร.สมบัติ ธีระตระกูลชัย” รองกรรมการผู้จัดการ
ด้านคุณภาพและมาตรฐานสากล ซีพีเอฟ ในฐานะ
ประธานหอการค้าไทย – รัสเซีย หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางไปกับคณะของรองนายกรัฐมนตรีไทย
เปิดเผยกับ “THAI QUOTE” ว่า “การเดินทางไปประเทศรัสเซียของคณะรองนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้เรื่องวาระการเจรจาคงเป็นเรื่องของทางกระทรวงการต่างประเทศ
แต่ที่เน้นคงจะเน้นไปเรื่องของการส่งเสริมการค้าขายและธุรกิจระหว่างกันให้มากขึ้น
ปัจจุบันเศรษฐกิจรัสเซียอยู่ในช่วงเวลาที่ประสบปัญหาเรื่องค่าเงินรูเบิลแข็งค่าขึ้นมาก
และส่งผลต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจและการค้าของรัสเซียเอง สำหรับประเทศไทยการไปเยือนรัสเซียในครั้งนี้น่าจะเป็นการไปเปิดช่องทางการค้าขายระหว่างกันมากขึ้น
เป็นการนำโดยภาครัฐและเปิดช่องทางการค้าระหว่างกันสำหรับภาคเอกชน โดยสินค้าไทยที่เป็นที่สนใจของรัสเซียในครั้งนี้และน่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาหารือกันคือเรื่องข้าว
เพราะปัจจุบันรัสเซียมีคู่ค้ารายอื่นอยู่หากมีการเจรจาส่งออกข้าวไทยไปยังประเทศรัสเซียจะเป็นช่องทางที่ดีสำหรับตลาดข้าวของไทย
ที่เข้าไปมีส่วนแชร์ตลาดในประเทศรัสเซียมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้อาจมีสินค้าในภาคการเกษตรอื่น
ๆอาทิยางพาราที่เชื่อว่าน่าจะเป็นสินค้าเกษตรอีกรายการหนึ่งที่จะมีการหยิบยกมาหารือกันบนโต๊ะเจรจาในการเดินทางไปเยือนรัสเซียครั้งนี้ของ
ดร.สมคิด และคณะ
เมื่อประมวลภาพรวมก่อนการเดินทางไปประเทศรัสเซียของดร.สมคิดและคณะ
ในครั้งนี้แล้ว แน่นอนว่า ภาคสินค้าการเกษตรของไทยน่าจะเป็นส่วนสำคัญบนโต๊ะเจรจาทั้งข้าว
และ ยางพารา ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่า “รัสเซีย” จะเคาะทันทีเหมือนตอนที่ดร.สมคิด
และคณะเดินทางไปเยือนอิหร่านหรือไม่? การเดินทางไปรัสเซียในครั้งนี้
สินค้าเกษตรไทยที่ได้เปรียบดุลการค้ารัสเซียมาโดยตลอดจนอาจขยายตลาดครั้งสำคัญของสินค้าเกษตรไทยจะได้ผงาดรัสเซีย
และฉับพลันทันทีกับท่าทีจากกระทรวงพาณิชย์
โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่จัดโครงการคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าที่รัสเซียเพื่อสำรวจช่องทางกระจายสินค้า
ลู่ทางขยายธุรกิจการเจรจาการค้า และผลักดันการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว โดยเน้นกลุ่มสินค้าอาหาร
แฟชั่น อัญมณี สปา ของตกแต่งบ้าน สินค้าไอที เครื่องมือแพทย์ และเวชภัณฑ์
และเครื่องสำอาง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแห่งภาคเอกชนของไทยและรัสเซียกับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันบนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นจากทริปนี้ของดร.สมคิด
ที่มา : Thaiqoute