แม้ว่าการแก้กฏหมายตามแนวทางที่เสนอโดยตำรวจจราจร
จะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของหลายฝ่าย แต่ สำหรับกรมการขนส่งทางบกได้เริ่มเดินหน้า ปรับปรุงหลักสูตรการอบรมและสอบใบอนุญาตขับขี่รถบิ๊กไบค์ให้เป็นหลักสูตรเฉพาะแล้ว ซึ่งเพิ่มเนื้อหาด้านทักษะการขับขี่เพิ่มเติม
ใช้เวลาในการอบรม 4 ชั่วโมง แยกจากการอบรมและสอบใบขับขี่ของรถจักรยานยนต์ทั่วไป
คาดว่าจะประกาศใช้หลักสูตรใหม่ได้ไม่เกินกลางปีนี้
เรื่องของบิ๊กไบค์
หรือรถจักรยานยนต์ ที่มีความจุกระบอกสูบ (ซีซี) มาก กลายเป็นคำถามจากสังคมทั้งเรื่องของความปลอดภัย
และเกี่ยวกับแนวโน้ม ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ประเภทนี้
ที่มีแนวโน้มอายุน้อยลงเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วงว่า “บิ๊กไบค์”
จะกลายเป็นพาหนะที่ถูกเด็กแว๊น เอาไปยกระดับ!
เพราะยังไม่มีมาตรการควบคุมใด
ๆ ที่มีบทกำหนดชัดเจน ทั้งทางด้านกฏหมายและในทางปฏิบัติ
เกี่ยวกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น และอายุที่น้อยลงของผู้ครอบครองและขับขี่
พ.ต.อ.อารักษ์ ลิ้มลังกาศ
รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า แนวคิดนี้มาจากในต่างประเทศ
ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า รถจักรยานยนต์จะถูกแบ่งออกเป็นรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก
ในประเทศไทยเองปัจจุบันมีการกำหนดให้ทำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ตั้งแต่อายุ
15-18 ปี ขับขี่ได้ไม่เกินความจุ 110 ซีซี และอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่มีกำหนด ซีซี ที่เป็นตัวกำหนดขนาดของรถจักรยานยนต์
เหตุผลประการสำคัญของข้อเสนอการกำหนดอายุผู้ที่จะขับบิ๊กไบค์
เนื่องมาจากสมรถนะของรถบิ๊กไบค์นั้นสูงมาก ทำความเร็วได้สูงและมีน้ำหนักมาก
ซึ่งมีความกังวลว่า ไม่เหมาะสำหรับ วัยรุ่นและเยาวชน เนื่องจากวุฒิภาวะ
ยังมีไม่เพียงพอ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ถนนสาธารณะร่วมกับยานพาหนะประเภทอื่น
“แนวคิดนี้ของตำรวจเน้นให้เกิดความปลอดภัย
และการใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย ป้องกันการใช้ยานพาหนะไปในทางที่เสี่ยงอันตราย”
รองผู้บังคับการตำรวจจราจร
พลันที่มีแนวคิดเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว ข้อมูลจากกระแสโซเชียลก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่ม Change.org ขอรายชื่อเพื่อร่วมรณรงค์ให้พิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับ การขอใบอนุญาตขับขี่รถประเภทบิ๊กไบค์
โดยมีเหตุผลมาจากปัจจุบันประชาชนได้มีการใช้จักรยานยนต์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจำนวนมากหรือบิ๊กไบค์
โดยมีขนาดพิกัดตั้งแต่ 300 ซีซี เป็นต้นไป ขณะเดียวกันก็มีข่าวการเสียชีวิตจากบิ๊กไบค์
มากตามเช่นกัน
แต่การสอบใบอนุญาตขับขี่ยังเป็นการทดสอบเดิม ๆ อยู่ ซึ่งบางคนได้ใช้รถในการสอบ 100
ซีซี หรือ รถเล็กในการสอบ ซึ่งต่างจากต่างประเทศ
ในการสอบใบอนุญาตขับขี่นั้นแบ่งตามขนาดความจุเครื่องยนต์ จะเห็นได้ว่า ณ
ปัจจุบันมีข่าวการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของบิ๊กไบค์ปรากฏในข่าวตามสื่อต่างๆแทบจะไม่เว้นในแต่ละวัน
พร้อมเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำการสอบใบขับขี่โดยเฉพาะของมอเตอร์ไซค์ใหญ่หรือ
บิ๊กไบค์ โดยผู้ที่จะทำการสอบต้องอบรมทักษะในการบังคับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่เสียก่อนกับผู้ชำนาญการ
หรือสถาบันที่ทำการเปิดสอนหลักสูตรการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ และนำมาประกอบกับการขออนุญาตใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองและความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนคนอื่นๆต่อไป
ข้อถกเถียงบนสังคมโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้น
ส่วนใหญ่ไม่ได้ถกเถียงกันถึงประเด็นเกี่ยวกับอันตรายอันเกิดจากสมรรถนะของรถบิ๊กไบค์และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
แต่เรื่องของการกำหนดอายุไว้ที่ 30 ปี กลับกลายเป็น“ทอล์คออฟเดอะทาวน์”ว่าเหมาะสมหรือไม่?
โดยตั้งคำถามไว้ว่า แนวคิดการจะระบุให้บุคคลต้องมีอายุ 30 ปี
จึงจะขอใบอนุญาตบิ๊กไบค์ “ตึงเกินไปหรือไม่?” ซึ่งในข้อถกเถียงเรื่องนี้
เป็นเหตุเป็นผลที่น่าคิดน่าฟังไม่ใช่น้อย และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายควรหาบทสรุปที่ลงตัวก่อนที่จะนำเสนอหรือ
จะพิจารณาในข้อคิดเห็นถัดๆไป
เรื่องของบิ๊กไบค์
ถ้าจะป้องกันปัญหา และอันตรายที่จะตามมา อาจเป็นเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่มองเห็นปัญหาไม่ต่างกัน
แต่การจะนำเสนอวิธีทางแก้ปัญหา ก็ควรใช้แนวทาง “สายกลาง” เป็นทางนำ อย่าให้ “ตึง”
และ “หย่อน” เกินไป เพราะการจะแก้ปัญหาก็ต้องพึงเคารพในสิทธิของบุคคลอื่นๆ
ที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป จนถึงคนที่มีอายุ 29 ปีด้วย
ส่วนจะเหมาะสมตรงอายุเท่าไหร่ เรื่องนี้สังคมคงต้องหันมาช่วยกันพิจารณา