สภาพัฒน์เผยส่วนราชการแห่ของบฟื้นฟูเศรษฐกิจกว่า 6 แสนล้านบาท

สภาพัฒน์เผยส่วนราชการแห่ของบฟื้นฟูเศรษฐกิจกว่า 6 แสนล้านบาท


สภาพัฒน์ อัพเดตความคืบหน้า งบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท พบมีส่วนราชการเสนอโครงการขอให้เงินแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท เตรียมเสนอครม.เห็นชอบ ต้นเดือน ก.ค.นี้ เผยตรวจเข้มทุกขั้นตอน ปัดไม่มีเหลือแบ่ง ส.ส.

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้มีการพิจารณาโครงการเสนอขอใช้เงินกู้ ในส่วนฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท ณ วันที่ 5 มิ.ย.63 โดยมีส่วนการเสนอขอใช้เงินมาแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการในรอบแรกได้ภายในวันที่ 2 หรือ 7 ก.ค.63 นี้

ทั้งนี้โครงการที่มีการเสนอมากว่า 6 แสนล้านบาท นั้นเป็นไปตามกรอบการใช้เงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 รวม 4 ด้าน ประกอบด้วย

1. โครงการที่เสนอโดยกระทรวง ทบวง กรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านเกษตร เกษตรเพิ่มมูลค่า การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพซึ่งเสนอมา 91 โครงการ วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท โครงการที่เสนอวงเงินสูงสุด ขอไปฟื้นฟูเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นโครงการระดับพันล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกษตรยังยืน ท่องเที่ยวสู่ชุมชน ขอปลูกปะการังเทียม เป็นต้น

2. โครงการสำหรับเศรษฐกิจฐานราก โดยเสนอมาจากระดับหน่วยงานและจังหวัด รวมทั้งสิ้น 28,331 โครงการ วงเงิน 3.72 แสนล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด มี 55 จังหวัดที่เสนอโครงการมา 28,196 โครงการ วงเงิน 2.03 แสนล้านบาท โดยเฉลี่ยโครงการมีมูลค่าอยู่ที่ 10-20 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่ 100-1,000 ล้านบาทต่อจังหวัด

นอกจากนี้ เป็นโครงการของส่วนราชการ 13 กระทรวง 4 หน่วยงานที่ขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 115 โครงการ 1.68 แสนล้านบาท

3. โครงการสำหรับการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังหารือมาตรการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการแจกเงินเพื่อไปเที่ยว ซึ่งยังไม่เสนอวงเงินกลับมา

4.โครงการเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากอยู่แล้ว ก็มีส่วนราชการเสนอโครงการมาใหม่อีก 3 โครงการ วงเงินไม่มาก เป็นโครงการเกี่ยวกับช่องทางตลาดแบบดิจิทัล

สำหรับขั้นตอนการพิจารณาโครงการในรอบแรก ในวันที่ 5-15 มิ.ย.63 คณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการเบื้องต้น พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการ ผ่านเว็บไซต์ ThaiMe โดยเมื่อผ่านการตรวจสอบรอบแรก ก็จะเข้าสู่ชั้นคณะอนุกรรมการและกรรมการกลั่นกรอง ในช่วงวันที่ 16-30 มิ.ย.63 และเข้า ครม.รอบแรกในช่วงวันที่ 2 หรือ 7 ก.ค.63 ส่วนที่โครงการไม่ผ่าน มีบางโครงการที่คณะทำงานตีตก และบางโครงการที่ต้องส่งข้อมูลเพิ่ม ก็จะต้องส่งมาภายใน 9 ก.ค.63 เพื่อรวมกับโครงการเสนอมาเพิ่ม และเสนอ ครม.พิจารณารอบ 2 ในวันที่ 11 ส.ค.63

“ตอนนี้โครงการที่เสนอมา เกินวงเงิน 4 แสนล้านบาทที่เรามีแล้ว ก็ต้องเลือกโครงการที่ใช่จริงๆ ในส่วนประเด็นที่ ส.ส.แบ่งงบส่วนนี้คนละ 80 ล้านบาท ตนไม่ทราบเรื่องนี้ และคงทำไม่ได้ เพราะวันนี้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของ สศช.แล้ว หากประชาชนช่วยกันตรวจสอบจะทำให้การแทรกแซงทำได้ยาก ส่วนเงินกู้ 4 แสนล้านบาทสำหรับฟื้นฟูจะพอหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายนโยบาย”นายทศพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า การใช้เงิน 4 แสนล้านบาท มีกระบวนการโปร่งใส ตั้งแต่คัดกรองโครงการ และเมื่อโครงการอนุมัติแล้ว ก็มีกระบวนการติดตาม ประมวลผล มีการให้ภาคประชาสังคมเข้ามาตรวจสอบได้ ซึ่งข้อมูลที่ผ่าน ครม.ทุกโครงการจะอยู่บนเว็บไซต์ให้ตรวจสอบความคืบหน้าได้หมด นอกจากนี้ จะมีการให้หน่วยงานกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้มี องค์การพัฒนาระหว่างประเทศ (UNDP) ขององค์การสหประชาชาติ ขอเข้ามาประเมินการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ว่ามีประสิทธิภาพ โปร่งใสหรือไม่ รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะต่อไป

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ครม.อนุมัติ เว้นค่าธรรมเนียมธุรกิจโรงแรมปีละ 40 บาทต่อห้องพัก

ก.แรงงาน เทรนแรงงานนอกระบบ ทำเกษตรในเมือง สู้วิกฤติโควิด-19