“สมคิด” สั่งการ “คลัง” ตั้งกองทุนอุ้มเอสเอ็มอีตัวเล็ก-เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนแบงก์ วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เร่งศึกษารูปแบบช่วยเหลือ-เงื่อนไข คาดมีกรอบชัดเจนก่อนสิ้นเดือนพ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือกลุ่มรักษาการจ้างงาน เน้นกลุ่มท่องเที่ยวรายเล็ก-รวม 8 สายการบิน
วันนี้ (14 พ.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกลั่นกรองเศรษฐกิจระยะกลางข้างหน้า ได้มีการประกาศกรอบนโยบายแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท โดยมีการเสนอโครงการเพื่อให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น เพราะคาดว่าอนาคตข้างหน้าจะมีคนตกงานค่อนข้างเยอะ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการนำเสนอผ่านการทำในรูปแบบ Area Based และ Agenda Based ว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เกิดการจ้างงาน เช่น สร้างแรงงานทุกหมู่บ้าน ดูแลเรื่องบัญชีการเงิน ซึ่งจะเห็นว่าสามารถสร้างให้เกิดการจ้างงานได้จำนวนมาก

“ตอนนี้มีคนเสนอโครงการมาหลายฝ่าย ซึ่งสอดคล้องกับโครงการนี้ต้องการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพื่อให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส และให้เกิดผลงานตามที่ต้องการ เป็นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง”
นอกจากนี้ จะเห็นว่าโครงการหลายอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย และได้รับการแก้ไขไปค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กๆ ที่เข้าไม่ถึงระบบแบงกิ้ง จะต้องช่วยเหลือ โดยกระทรวงการคลังและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะดูโมเดลร่วมกับปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อจัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ รวมถึงมาตรการดูแลผู้ประกอบการที่รักษาดูแลการจ้างงานและพนักงานที่จะเร่งสรุปออกมาก่อนวันอังคารหน้า (19 พ.ค.63)
ขณะที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้คาดว่าจะติดลบอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้คงคาดการณ์ลำบาก เพราะผลกระทบของโควิด-19 เกิดขึ้นแล้ว และมีคนตกงานแล้ว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแลด้วยการออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วยเหลือและลดผลกระทบให้กับประชาชน โดยในวันที่ 18 พ.ค.นี้ สศช.จะมีการแถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 1/63 และแนวโน้มปี 63 ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งหากในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 สถานการณ์โควิดดีขึ้น ผู้ประกอบการสามารถค้าขายได้ดีมากขึ้น การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ก็จะเป็นปัจจัยบวกเข้ามาได้
ตอนนี้อยู่ระหว่างการออกแบบมาตรการเสริมที่เป็นกลไกในลักษณะ ”กองทุน” วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินมาจากเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น วิสาหกิจชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสถาบันการเงิน เนื่องจากไม่มีประวัติการกู้เงิน เพราะไม่เคยกู้มาก่อน และไม่ได้ครอบคลุมอยู่ในมาตรการช่วยเหลือเยียวยาก่อนหน้านี้ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีบันทึกในสถาบันการเงิน ดังนั้น เพื่อแยกให้ออกว่าใครเป็นใคร และรูปแบบการช่วยเหลือจะต้องมีเงื่อนไขอะไร และกองทุนนี้จะดำเนินการโดยใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังเร่งทำ เพื่อให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด โดยคาดว่าน่าจะชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้

อย่างไรก็ดี กองทุนดังกล่าว จะต้องไม่ซับซ้อนกับวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 5 แสนล้านบาท แต่จะเป็นการออกแบบให้สอดคล้องกัน โดยคนที่ใช้ซอฟต์โลนก็ไปใช้ซอฟต์โลนที่มี จะไม่ทับซ้อนกัน ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงคลังจะทำหน้าที่ในการดูแลภาพรวมร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
ข่าวที่น่าสนใจ
