ครม.ประชุมวาระพิเศษเห็นชอบมาตรการชุดใหญ่ดูแลศก.เซ่นพิษโควิด

ครม.ประชุมวาระพิเศษเห็นชอบมาตรการชุดใหญ่ดูแลศก.เซ่นพิษโควิด


“ครม.นัดพิเศษ” เต็มคณะ ได้พิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน 2 ฉบับ ออกซอฟโลนมากกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส(COVID-19) เฟสที่ 3

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการออก พ.ร.ก. กู้เงินทั้งสิ้น 3 ฉบับ ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2 ฉบับ และกระทรวงการคลัง 1 ฉบับ ซึ่ง คาดว่าจะใช้วงเงินสัดส่วนใกล้เคียงกับที่ประเทศอื่นๆ ใช้ คือประมาณร้อยละ 10 ของ จีดีพี. เพื่อรักษากลไกเศรษฐกิจให้กลไกทุกอย่างเดินได้

รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า การออกพ.ร.ก.การกู้เงินในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจชุดที่ 3 ซึ่งเป็นชุดใหญ่ คุมช่วงเวลา 6 เดือน เพื่อให้มีมาตรการดูแลประชาชน ผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ประกอบด้วย
กลุ่ม 1 มาตรการเข้าไปเยียวยาภาคประชาชนและธุรกิจ
กลุ่ม 2 มาตรการดูแลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในช่วงที่ติดขัด ไม่ให้เศรษฐกิจไทย
กลุ่มที่ 3 ดูแลเศรษฐกิจการเงิน ตอนนี้ไม่มีปัญหา แต่ไม่ประมาทได้เตรียมไว้เลย

“กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย จะไปดูแหล่งเงินที่มาใช้ บางส่วนมาจากงบประมาณ บางส่วนมาจากการกู้ยืม การเตรียมการในรายละเอียดกำลังทำ ถ้าทันจะเข้า ครม. อังคารหน้า การใช้เงินทั้งหมดต้องการให้งบถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพื่อใช้หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลประชาชน และการกู้ยืมโดย ธปท. ให้ออกซอฟโลน เพื่อดดูแลผู้ประกอบการ ทั้งหมดจะสามารถสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ภาคธุรกิจก้าวข้ามวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้” นายสมคิด กล่าว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อว่า มาตรการระยะที่ 3 ในกลุ่มที่ 1 ต้องดูประชาชนดูแลเกษตรกร ผู้ประกอบการลูกจ้างทั้งที่อยู่ในระบบประกันสังคมและนอกประกัน ดูแลลดภาระการผ่อนสินเชื่อเพิ่มเติมจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาแล้ว ในกลุ่มนอนแบงก์
กลุ่มที่ 2 ดูแลเศรษฐกิจและโครงสร้างสังคม งบประมาณดูแลการสู้โควิด งบประมาณดูแลเศรษฐกิจฐานราก เพราะมีแรงงานกลับบ้านมาก สภาพการทำธุรกิจเปลี่ยนไป รัฐบาลจะมีชุดมาตรการดูแล มีการเร่งโครงสร้างพื้นฐานในระดับชุมชน

กลุ่มที่ 3 ดูแลผู้ประกอบการ ภาระที่เกิดจากการกู้ยืมให้มีสภาพคล่องเพียงพอ จะมีมาตรการเพิ่มเติม

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่าจะออกมาตรการพักเงินต้นให้ครอบคุมผู้ประกอบการมากขึ้น การให้สภาพคล่อง ธปท. จะขอ ครม. ออก พ.ร.ก. ให้ธปท.ทำซอฟโลนโดยตรงได้ จะมีขนาดจำนวนมากกว่าซอฟโลนกว่า 2 แสนล้านบาท ที่ธนาคารออมสินทำในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังจะออก พ.ร.ก. ให้ ธปท. ซื้อตราสารหนี้ของเอกชนที่ครบกำหนดชำระ ที่มีคุณภาพดีและต้องมีนักลงทุนลงทุนมากกว่าครึ่งหนึ่ง เนื่องตลาดตราสารหนี้มีมูลค่ามากกว่า 3.5 ล้านล้านบาท มีประชาชน สหกรณ์ออมทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) การทุนประกันสังคม จะได้ไม่กระทบกับกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้

นายวิรไท กล่าวว่า ธปท. ยังออกอีก 2 มาตรการ ได้แก่ขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านบาท เป็น 1 ล้านบาท ในเดือน ส.ค. ให้ยืดออกไปเป็นเดือนส.ค. 2564 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้สถาบันการเงินลดเงินนำส่งให้ ธปท.จาก 0.46 เหลือ 0.23 เพื่อที่จะไปลดดอกเบี้ยให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ