ธพว. ยันผลตัดสินคดี FRCD ไม่กระทบสถานภาพ และสภาพคล่องการเงิน

ธพว. ยันผลตัดสินคดี FRCD ไม่กระทบสถานภาพ และสภาพคล่องการเงิน


จากกรณีที่วันนี้ (24 มี.ค.63) ศาลฎีกาได้พิพากษายืนให้ ธพว.ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 6,000 ล้านบาท ให้ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยนั้น

น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SCBT เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธพว. เรียกชำระเงินตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราการแลกเปลี่ยนพื้นฐาน (Cross Currency Swap : CCS) และสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Swap :IRS) บนบัตรเงินฝากอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือ Foat Rate Certificates of Deposit (FRCD) ซึ่งกรณีพิพาทดังกล่าวเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 และต่อมาได้ต่อสู้คดีที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค.58 ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง ธพว. ต่อมา SCBT ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ต่อมา วันที่ 22 มิ.ย. 60 ศลาอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับให้ ธพว. ชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย ทางธพว. จึงใช้สิทธิ์ฎีกา และที่สุดในวันที่ 24 มี.ค.63 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาตัดสินให้ธนาคารชำระเงินแก่โจทก์
ธพว.พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกา และข้อกฎหมายทุกประการ โดยได้วางแผนกันเงินสำรองล่วงหน้าตั้งแต่มีกรณีพิพาท ทำให้เงินทุนสำรองเพียงพอ สามารถรองรับกรณีที่จะเกิดขึ้นได้ทุกมิติอยู่แล้ว ดังนั้น การชำระเงินจึงไม่มีผลกระทบต่อสถานภาพทางการเงินของ ธพว. แต่อย่างใด รวมถึง ผู้ฝากเงินหรือเจ้าหนี้ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีสถานภาพทางการเงินแข็งแกร่ง มั่นคงและมีเสถียรภาพ เพราะเป็นสถาบันการเงินหลักของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม มีสถานะความมั่นคงทางการเงิน โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ถึง 99.1758% อีกทั้ง มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) 10.02% เกินกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด อีกทั้ง รัฐบาลให้ความสำคัญต่อ ธพว. เพราะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของภาครัฐที่มีหน้าที่หลักในการส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าสู่ความรู้คู่เงินทุน
ทั้งนี้ ธพว. ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และรายงายงบการเงิน ในรายงานประจำปีของทุกปีที่ผ่านมา ต่อคณะกรรมการธนาคาร กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย และที่ประชุมผู้ถือหุ้น

สำหรับการดำเนินการกับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม CCS และ IRS ดังกล่าวนั้น ธพว. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยได้ลงโทษไล่ออกพนักงาน 4 รายแล้ว รวมถึงยังได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ป.) หากได้ข้อสรุปประการใดจาก ป.ป.ป. แล้ว ธพว. จะดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ