พาณิชย์เตรียมรับมือสหรัฐถล่มอิหร่าน เฝ้าระวัง ตลาดเงิน ตลาดทุน ราคาน้ำมันพุ่ง

พาณิชย์เตรียมรับมือสหรัฐถล่มอิหร่าน เฝ้าระวัง ตลาดเงิน ตลาดทุน ราคาน้ำมันพุ่ง


พาณิชย์เกาะติดสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐ โจมตีทางอากาศผบ.หน่วยรบพิเศษอิหร่าน เตรียมรับมือหากบานปลาย ป้องกันเศรษฐกิจมหภาค ตลาดเงิน ตลาดทุน ราคาน้ำมันพุ่ง

 

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯเพื่อสังหารนายพลกัสซิมโซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังหน่วยรบพิเศษ Quds Force ทหารคนสำคัญของผู้นำสูงสุดอิหร่านเมื่อเช้าวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมานั้นเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและสร้างความผันผวนแก่ตลาดเงินและตลาดทุน

ทั้งนี้ประเมินว่าระยะสั้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยวันที่ 3 ม.ค.63ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 4 และมีแนวโน้มว่าปรับตัวขึ้นอีก หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น

ในระยะกลาง-ยาว สนค. ประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุน และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบ เช่น ความคืบหน้าการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน และมาตรการ/นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม หากเกิดการตอบโต้ระหว่างกันและมีการปิดเส้นทางเดินเรือ ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก เพราะน้ำมันจากตะวันออกกลางส่วนใหญ่ผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซ โดยอิหร่านเป็นประเทศที่มีบทบาทหลักในการควบคุมเส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้ การขนส่งสินค้า ก็มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยการเดินเรือกว่า 20% ของโลกใช้เส้นทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ หากมีการปิดเส้นทาง เรือบรรทุกน้ำมัน และสินค้า จะไม่สามารถใช้ช่องแคบเพื่อเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้

ในประเด็นด้านการค้าและการส่งออกของไทย นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าชธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลว) มูลค่า 22,873.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 11% ของการส่งออกรวม 11 เดือนแรก ปี 62 อาจได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบจะเพิ่มความท้าทายในการฟื้นฟูตลาดส่งออกในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิรักและอิหร่าน และตลาดแอฟริกาที่มีประเทศในตะวันออกกลางเป็นช่องทางการค้าให้สินค้าไทย แต่เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่สามารถหาแนวทางขยายการค้าได้ โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมนำทัพภาคเอกชนเดินทางไปรุกตลาดอย่างน้อย 16 ประเทศ รวมถึงตะวันออกกลางในปี 63 ทั้งนี้แม้ขณะนี้ไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงนอกจากเรื่องตลาดทุนตลาดเงิน และราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูง แต่ สนค.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมแนวทางรับมือในระยะต่อไป โดยเฉพาะหากมีการตอบโต้กันในวงกว้างขึ้น

โดยในระยะ 11 เดือนแรกปี 2562 การค้าระหว่างไทยและตะวันออกกลางมีมูลค่ารวม 25,683 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่าร้อยละ 5.8 ของการค้ารวม โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 7,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 18,034 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การค้าระหว่างไทยและแอฟริกา มูลค่ารวม 9,373 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 2.1 ของการค้ารวมโดยเป็นการส่งออกมูลค่า 6,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 3,085 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเป็นต้น

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัว 2-3 %