“บิ๊กตู่”ตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลค่าเงินบาทไม่กระพริบ

“บิ๊กตู่”ตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลค่าเงินบาทไม่กระพริบ


“บิ๊กตู่”เผยเรื่องค่าเงินบาทแข็งได้จัดตั้งวอร์รูมโดยดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แขวะนักวิชาการอย่ามัวแต่วิจารณ์หากมีข้อเสนอที่ดีๆ แจ้งมาด้วยหากเหมาะสมรัฐบาลพร้อมดำเนินการ

วันนี้ (3 ม.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าหลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์ ว่า ที่ผ่านมาได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินร่วมกันทั้งจากกระทรวงการคลัง ธปท. และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และให้หามาตรการเสริมอื่น ๆ มาช่วยดูแล เพราะมาตรการที่ผ่านมามีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล

ส่วนกรณีที่นักวิชาการหลายสำนักประเมินว่า ปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยจะหนักมากกว่าปีที่ผ่านมานั้น โดยนายกฯระบุว่าการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือแย่ลง ดูได้จากปัจจัยภายในและภายนอก แต่สิ่งสำคัญคือ ทุกคนจะร่วมมือกันแก้ปัญหาได้อย่างไร ซึ่งตนเองอยากรับฟังแนวคิดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า การวิพากษ์วิจารณ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากเป็นแนวคิดที่ดีตนเองก็พร้อมรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งการที่ตนเองทำหน้าที่ในขณะนี้จะทราบดีว่า ปัญหาหลายอย่างก็สามารถแก้ได้ แต่บางปัญหาก็ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย

น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. จะดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยผู้ร่วมตลาดอาจรอดูสถานการณ์การปรับตัวของตลาดสู่ภาวะปกติก่อนเร่งทำธุรกรรม หลังจากเงินบาทเปิดตลาดในวันที่ 2 ม.ค. 63 ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกของปี 63 มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากที่ได้แข็งค่าเร็วในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี 62 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.18 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าอัตราอ้างอิงเฉลี่ยของวันที่ 30 ธ.ค. 62 ที่ได้หลุดกรอบ 30.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับเงินบาทช่วงเปิดตลาดวันแรกด้านสภาพคล่องในตลาดเริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่ค่าเงินบาทยังมีความผันผวนสูงในสภาวะที่ตลาดกำลังมีการปรับสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายดอลลาร์ ทำให้ ธปท.และนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ธปท. ได้รายงานนโยบายการเงิน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง แม้จะแข็งค่าชะลอลงและเคลื่อนไหวทั้งสองทิศทางมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะภาคการผลิตและการจ้างงานในภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก รวมถึงผล กระทบต่อกำไรและสภาพคล่องของธุรกิจ และความสามารถในการชำระหนี้ซึ่งด้อยลงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผล กระทบจากการส่งออก โดยคณะกรรมการฯให้ติดตามสถาน การณ์และพิจารณาความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เป็นห่วงว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะกระทบต่อภาคการส่งออกให้มีปัญหามากขึ้น แต่ ยังเชื่อว่า ธปท. จะบริหารจัดการได้ ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้ ออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทมาระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับหากมี คณะกรรมการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่มีทั้งกระทรวงการคลัง ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะช่วยทำให้ค่าเงินบาทของไทยกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นได้

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากนั้น หากมองในแง่ผู้บริโภคจะรู้สึกพอใจ เพราะทำให้ราคาน้ำมันไม่สูงขึ้น ขณะที่วัตถุดิบนำเข้าเพื่อนำมาผลิตสินค้าในประเทศก็ไม่สูงขึ้นด้วย จึงไม่มีแรงกดดันทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แต่หากมองในแง่ผู้ผลิตและผู้ส่งออก จะทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง โดยเฉพาะภาคเกษตร และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ที่จะมีเงินใช้จ่ายลดลง.

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
อดีตรมว.พลังงานเย้ย 10 ข้อแย่รัฐบาลลุงตู่ ชี้ศก.ปีแน่แย่กว่าเดิม