“สมคิด” ไม่หวั่นปัจจัยเสี่ยง ระบุต่างชาติติดต่อเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง

“สมคิด” ไม่หวั่นปัจจัยเสี่ยง ระบุต่างชาติติดต่อเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง


รองนายกฯ สมคิด ไม่หวั่น ปัจจัยเสี่ยง ตามสภาเศรษฐกิจโลกเป็นห่วง ชี้ต่างชาติยังคงทยอยติดต่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ที่ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานความเสี่ยงระดับภูมิภาคในการประกอบธุรกิจ (Regional Risk of Doing Business 2019) จัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum)

 

โดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้จัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจทั่วโลกปี 2562 นี้ 10 อันดับแรก ได้แก่ 1) วิกฤติทางการเงิน 2) การโจมตีทางไซเบอร์ 3) ภาวะการว่างงาน 4) วิกฤติราคาพลังงาน 5) ความล้มเหลวของรัฐบาล 6) ความวุ่นวายทางสังคม 7) การโจรกรรมข้อมูล 8) ความขัดแย้งระหว่างรัฐ 9) การขาดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 10) เศรษฐกิจฟองสบู่

สำหรับความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) เศรษฐกิจฟองสบู่ 2) ความล้มเหลวของรัฐบาล 3) การโจมตีทางไซเบอร์ 4) ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโดยมนุษย์ และ 5) ความไม่มั่นคงทางสังคม เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการด้านการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการต่างประเทศนั้น

 

ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการ ประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคลัง ว่า ขณะนี้มีนักลงทุนรายใหญ่ทยอยติดต่อเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มนักลงทุนจากมณฑลกวางตุ้ง โดยคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมณฑลกวางตุ้ง CCPIT ที่ต้องการขยายการลงทุนในเขตอีอีซี และยังมีกลุ่มผู้บริหารไมโครซอฟท์ ,ประธานสภาธุรกิจอังกฤษ-อาเซียน และธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น ( JBIC)

ทั้งนี้จากการพบปะหารือร่วมกับประเทศต่างๆพบว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ได้กังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยงแต่อย่างใด โดยตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวนั้น ทางรัฐบาลก็ได้มีการหารือกันว่าประเทศไทยจะมีการเตรียมมาตรการรับมืออย่างไร

 

“เรื่องรายงานความเสี่ยงระดับภูมิภาคในการประกอบธุรกิจ เป็นการรายงานภาวะปัจจัยความเสี่ยงที่อาจจะกระทบกระเทือนต่อภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในอีก 10 ปี ข้างหน้า ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 30 ปัจจัย โดยสภาเศรษฐกิจโลกจะใช้วิธีการสำรวจโดยตั้งคำถามให้กับนักธุรกิจว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ปัจจัยความเสี่ยงใดที่ท่านจะให้ความสำคัญในการลงทุนแต่ละประเทศ โดยของประเทศไทยมี 5 ปัจจัยที่นักลงทุนให้ความระมัดระวังในอีก 10 ข้างหน้า ซึ่งไม่ได้หมายความประเทศไทยเสี่ยงสูงสุดในเรื่อง ฟองสบู่ นอกจากนี้ยังมีการแปลที่บิดเบือนข้อมูล และประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการบิดเบือนข้อมูลนี้มากที่สุด ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในเรื่องของการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว” นายสมคิดกล่าวในตอนท้าย