จากการสำรวจพบว่ายังมีบ้านว่างมากกว่า 5 แสนหน่วย อีก 4 ปีก็ยังขายไม่หมด เขตที่มีบ้านเหลือมากที่สุดคือปริมณฑล เช่น นนทบุรี บางนา บางใหญ่ คอนโดฯเหลือมากกว่าบ้านแนวราบ ส่วนใหญ่หวังเก็งกำไร
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สเปิดเผยว่าจากการทำประเมินพบว่าประมาณการจำนวนบ้านว่างประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ห้องชุด มีว่างเหลืออยู่ประมาณ 525,889 หน่วย ในขณะที่แต่ละปีมีปริมาณการผลิตที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯปริมณฑลประมาณ 110,000-120,000 หน่วย เท่ากับว่าถ้าไม่ผลิตที่อยู่อาศัยใหม่ 4 ปีครึ่ง ยังมีบ้านเหล่านี้เป็นอุปทานขายได้ในตลาด จึงนับว่าบ้านว่างมีจำนวนมหาศาล แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นสัญญาณอันตราย
จากการสำรวจพบว่าพื้นที่ที่มีบ้านว่างน้อย อันดับที่ 1 คือพื้นที่ บางพลีจากที่อยู่อาศัย198,272 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 16,674 หน่วย หรือคิดเป็น 8% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1หน่วยในทุกๆ 12 หน่วย อันดับที่ 2 คือพื้นที่ มีนบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 226,940 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 19,976 หน่วยคิดเป็น 9% และอันดับที่ 3 คือพื้นที่ ลาดกระบัง มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 156,375 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 14,009 หน่วย หรือคิดเป็น 9%
ดร.โสภณ กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่บ้านว่างมากเป็นพิเศษ ได้แก่ อันดับที่ 1 คือพื้นที่ นนทบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 335,421 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 45848 หน่วย หรือคิดเป็น 14% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ 7 หน่วย อันดับที่ 2 คือพื้นที่ บางนา จากที่อยู่อาศัย 231,192 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 31289 หน่วย หรือคิดเป็น 14% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ 7 หน่วย และอันดับที่ 3 คือพื้นที่ บางใหญ่ จากที่อยู่อาศัย 221,492 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 28,016 หน่วย หรือคิดเป็น 13% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ 8 หน่วย โดยสัดส่วนห้องชุดที่มีบ้านว่างมากถึง 13.5% – 17.5% จะอยู่ในพื้นที่ บางใหญ่ บางพลี บางนา มีนบุรี บางกะปิ นนทบุรี บางเขน บางบัวทอง และคลองเตย ซึ่งจะมาขายแข่งกับสินค้าใหม่ๆ ของผู้ประกอบการได้ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร เป็นโอกาสดีของผู้ซื้อ
ดร.โสภณกล่าวว่า จากสถิติที่ปรากฏพอสรุปได้ว่า บ้านแนวราบมีสัดส่วนของบ้านว่าง 9.2% (มีบ้านว่าง 1 หลังทุกบ้าน 11 หน่วย) ในขณะที่ห้องชุดโดยรวมมีสัดส่วนว่างถึง 13.9% (มีบ้านว่างทุก 1 หน่วยใน 7 หน่วย) ทั้งนี้เพราะห้องชุดมีไว้เพื่อการลงทุน การปล่อยเช่าหรือขายต่อ มากกว่าบ้านแนวราบที่มักไว้ใช้เพื่อการอยู่อาศัยโดยผู้ใช้สอยจริง (end users) สินค้าห้องชุดจึงต้องให้ความระวังเป็นพิเศษในการลงทุนในขณะนี้
สำหรับการแก้ปัญหาอยากเสนอให้ทางราชการส่งเสริมการขายบ้านมือสองคือ 1. ประมูลขายบ้านโดยให้มีการประเมินค่าทรัพย์สินให้ได้ราคาตลาดที่เหมาะสมเป็นที่เชื่อถือต่อทุกฝ่ายก่อน 2. ให้มีกองทุนสนับสนุนการให้สินเชื่อเพื่อการซ่อมบ้านเพื่อจะสามารถขายได้ราคาดีกว่าการขายตามสภาพ 3. ให้มีกองทุนรับซื้อบ้านมือสองเพื่อนำมาปรับปรุงเพื่อการขายใหม่ โดยให้ซื้อในราคา 90% ของราคาตลาด เพื่อช่วยให้ผู้ที่ครอบครองบ้านว่างสามารถมีเงินหมุนเวียนไปทำธุรกิจได้
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เคหะฯ จัดหนัก 2 งาน เปิดจองบ้านเอื้ออาทร-ทาวน์เฮาส์-บ้านแฝด โปรพิเศษ
