รมว.คลัง เผย ผลหารือผู้แทนสภาธุรกิจ “สหรัฐอเมริกา-อาเซียน” ได้รับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งแนวนโยบายและ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังผลักดันเข้า ครม.เศรษฐกิจ ศุกร์ 16 ส.ค. นี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังหารือกับคณะผู้แทนสภาธุรกิจ สหรัฐอเมริกา-อาเซียน เกี่ยวกับแนวทางบริการทางการเงิน ว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมันต่อเศรษฐกิจไทย หลังจากรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ โดยพร้อมเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศ ต้องการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาบุคลากร ด้านเทคโนโลยี การเงินดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ย่อมสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหา ตลาดตราสารหนี้ดอกเบี้ยลดลง การส่งออกมีปัญหา จึงต้องดูแลกำลังซื้อของฐานราก ภาคเกษตรผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง ต้องสนับสนุนการปลูกพืชทดแทน ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในหลายพื้นที่ เพื่อให้ธุรกิจรายย่อยระดับท้องถิ่นขายสินค้าได้มากขึ้น
รัฐบาลมีแผนในการอัดฉีดเงินเข้าระบบหลายมาตรการ ทั้งจากงบกลาง เงินทุนจากแบงก์รัฐ และอีกหลายส่วน อย่างเช่นการลดหย่อยภาษีเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของชาวบ้าน โดยมาตรการเหล่านี้จะเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท
รายงานข่าวเผยว่า กระทรวงการคลังและหน่งยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. นี้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากสภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนปัจจุบันและแนวโน้มอาจกระทบเศรษฐกิจของประเทศ โดย มาตรการกระตุ้นจะประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.มาตรการบรรเทา ช่วยเหลือ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เช่น การช่วยเหลือเกษตรกรผ่อนคลายหนี้สิน สนับสนุนพิเศษด้านดอกเบี้ย ทั้งสนับสนุนสินเชื่อใหม่และต้นทุนการเพาะปลูก ด้วยการชดเชยกรปลูกข้าว 4 ล้านครัวเรือน 500-800 บาทต่อไร่ จำนวนไม่เกิน 15 ไร่ วงเงินช่วยเหลือ 57,000 ล้านบาท ส่วนเงินกู้ฉุกเฉินรองรับภัยแล้ง ปล่อยกู้ 5 แสนบาท/ราย ยกเว้นดอกเบี้ยปีแรก รวมวงเงิน 55,000 ล้านบาท
ด้านประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ในพืชเศรษฐกิจหลักทั้งข้าวเปลือกเจ้า ประกัน 1 หมื่นบาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 1.5 หมื่นบาทต่อตัน วงเงิน 53,000 ล้านบาท มันสำปะหลัง ยางพารา 60 บาท/กิโลกรัม วงเงิน 35,743 ล้านบาท ปาล์มน้ำมัน ราคา 4บาท/กิโลกรัม วงเงิน 10,000 ล้านบาท รวมช่วยเหลือ จำนวน 6.23 ล้านครัวเรือน
2.มาตรการดูแลปรับเพิ่มสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ กลุ่มรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท รับค่าครองชีพ 200 บาท/คน ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง 1,500 บาท/คน ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45บาท/คน/3 เดือน ฝึกอาชีพ 100 บาท/คน สำหรับกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี รับค่าครองชีพ 300 บาท/คน ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง 1,500 บาท/คน ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45บาท/คน/3 เดือน ฝึกอาชีพ 100 บาท/คน และ
3.มาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและการลงทุนในประเทศ เช่น กระตุ้นการท่องเที่ยวล่าสุดที่สอดรับยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เล็งสร้างเงินสะพัดในท้องถิ่น จากการใช้จ่ายอุปโภค และการใช้จ่ายซื้อสินค้าชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการอุดหนุนเงินให้ 1,500 บาทสำหรับท่องเที่ยวทั่วประเทศ มีเป้าหมาย 10 ล้านคน ใช้เงิน รวมทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมพิจาณายกเว้นวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง Visa On arrival (VOA) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ หลังจากมาตรการครบกำหนด 31 ต.ค.62 เพื่อจูงใจกลุ่มทัวร์ให้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ตลอดจนการยกเว้นวีซ่าให้กันนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย เข้ามาท่องเที่ยว 15 วัน ผลมี 1 พ.ย. 62-31 ต.ค.63 เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่การท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ การการส่งเสริมท่องเที่ยวรายเดือน วันที่ 9 เดือน 9 จัดโปรโมชั่นลดราคาที่พักหลักร้อยบาทต่อคืน เพื่อดึงยอดเข้ามาใช้จ่ายช่วงท้ายปี
กระทรวงการคลังคลัง เตรียมมาตรการพิเศษช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรายเล็กทั่วประเทศเข้าถึงเงินทุน เพื่อรักษาสภาพคล่อง รวมถึงลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการ และเชื่อว่าจะสามารถรับมือผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกได้ โดยประเมินว่าชุดมาตรการจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจรวมเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทในครึ่งหลังของปีนี้
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ