หุ้นค้าปลีกไทยมาแรง ติด 6 อันดับท็อปเทนในอาเซียน

หุ้นค้าปลีกไทยมาแรง ติด 6 อันดับท็อปเทนในอาเซียน


ซีพีออล์นำโด่งหุ้นค้าปลีกมูลค่าหลักทรัพย์สูงสุดในตลาดหุ้นอาเซียน ตลท.ชี้เมืองโต คนมาก ปัจจัยหนุนค้าปลีกบูม ย้ำค้าปลีกไทยรุกเร็วออกนอกประเทศทำมูลค่าพุ่งสูง

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาเปิดเผยรายงานเรื่อง “หุ้นค้าปลีกไทยอยู่อันดับไหนในอาเซียน ?” โดยระบุว่าใน 10 อันดับแรกของการค้าปลีกในตลาดภูมิภาคอาเซียน มีธุรกิจของไทยติดอันดับการเติบโตถึง 6 อันดับด้วยกัน ซึ่งทั้ง 10 อันดับ ประกอบด้วย

1.CP ALL (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 772,546 ล้านบาท
2.Homepro (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 230,146 ล้านบาท
3.BJC (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 202,255 ล้านบาท
4.Makro (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 178,800 ล้านบาท
5.Alfamart (อินโดนีเซีย) มูลค่าหลักทรัพย์ 80,474 ล้านบาท

6.Puregold (ฟิลิปปินส์) มูลค่าหลักทรัพย์ 75,780 ล้านบาท
7.Globalmart (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 74,367 ล้านบาท
8.RRHI (ฟิลิปปินส์) มูลค่าหลักทรัพย์ 71,576 ล้านบาท
9.ACE (สิงคโปร์) มูลค่าหลักทรัพย์ 64,612 ล้านบาท
10.Robinson (ไทย) มูลค่าหลักทรัพย์ 62,474 ล้านบาท

ด้านน.ส.ปฐมาภรณ์ นิธิชัย ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุในรายงานดังกล่าวว่า เมื่อเมืองเติบโตขึ้น จำนวนประชากรที่อยู่อาศัยหรือทำงานในเขตเมืองย่อมเพิ่มขึ้นตลอดจนจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ ไม่เพียงการขายสินค้าอุปโภคบริโภคแบบเดิม แต่ต้องตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบใหม่ของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น บริการอาหารพร้อมรับประทาน บริการงานออกแบบและซ่อมแซม บริการด้านการชำระเงิน เป็นต้น

 

 

นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ในด้านการจัดการรูปแบบสาขาและสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยี big data analytic เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละบุคคล รวมถึงการพัฒนา e-commerce และบริการขนส่งสินค้า

ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่มค้าปลีกเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีในช่วงปี 2557-2561 และมีการจ้างงาน 1.7 แสนคนในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.6% ต่อปีในช่วงปี 2557-2561

ธุรกิจค้าปลีกไทยไม่ได้เติบโตเฉพาะในประเทศ ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่มค้าปลีกขยายธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมากทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน และมีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในอาเซียน บริษัทมีรูปแบบการขยายธุรกิจทั้งการเปิดสาขาใหม่เอง และร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น เช่น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดสาขา BigC ในเวียดนาม และลาว บมจ.โรบินสัน (ROBINS) เปิดสาขาโรบินสันในเวียดนาม บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดสาขาในกัมพูชา และร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่นขยายสาขาในลาว และเมียนมา บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เปิดสาขาแม็คโครในกัมพูชา และ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดสาขาโฮมโปรในมาเลเซีย นอกจากนี้หลายบริษัทยังมีสาขาหรือมีแผนขยายสาขานอกภูมิภาคอาเซียน เช่น อินเดีย

จากศักยภาพในการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีกของไทย 6 บริษัทติด 10 อันดับหุ้นค้าปลีกอาเซียน1 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด โดย บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนทั้งด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 24,316 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 15,742 ล้านเหรียญสหรัฐ