“ธนาธร”ชี้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นยาก เหตุนโยบายคสช.เอื้อนายทุน

“ธนาธร”ชี้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นยาก เหตุนโยบายคสช.เอื้อนายทุน


“ธนาธร” ชี้นโยบาย คสช.เอื้อกลุ่มทุนต้นเหตุเหลื่อมล้ำสูงขึ้น มองไม่มีทางที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น

ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนาพร้อมกับหัวหน้าพรรค 7 พรรคฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ร่วมวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และทิศทางของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการแสวงหาทางออกให้กับประเทศ

ในช่วงหนึ่งของวงเสวนา นายธนาธร กล่าวว่าสำหรับตนแล้ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในปัจจุบันเป็นวิกฤติที่หนักมาก สิ่งที่ตนรู้สึกเศร้าใจมากที่สุด คือเรากำลังจะส่งสังคมที่แย่กว่านี้ให้กับลูกหลานของเรา ถ้าเราไม่ทำอะไรวันนี้ ลูกหลานของเราจะได้รับสังคมที่แย่กว่านี้ แน่นอนที่สุด หนึ่งในวิกฤติที่หนักที่สุดคือความเหลื่อมล้ำในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ GDP ของประเทศไทยเติบโตขึ้นถึง 15% แต่รายได้ภาคแรงงานเติบโตแค่ 5% รายได้ภาคเกษตรติดลบถึง 3% หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 28% แต่คนรวยที่สุดในประเทศไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 68% ดังนั้นทุนผูกขาดกับความเหลื่อมล้ำจึงเป็นสองด้านบนเหรียญเดียวกันที่แยกจากกันไม่ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลโดยตรงมาจากการบริหารประเทศภายใต้นโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้ ม. 44 เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มทุนจำนวนมาก ตัวอย่างเดียวที่ตนขอยกในวันนี้คือกรณีการยืดหนี้และลดดอกเบี้ยให้กับกลุ่มทุนทีวีดิจิทัล ซึ่งถ้าคิดในทางกลับกัน ถ้าชาวนาไม่มีเงินจ่ายหนี้ ธกส. ชาวนาจะมีโอกาสได้รีไฟแนนซ์แบบนี้ไหม แบบที่ได้ยืดหนี้ออกไปและลดดอกเบี้ยให้ด้วย คำตอบคือชาวนาไม่เคยมีโอกาสได้รับสิทธิแบบนี้เลย แค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าการปฏิบัติระหว่างกลุ่มทุนกับชาวบ้านไม่เท่ากัน

นายธนาธรกล่าวต่อไปว่า ดังนั้น หากเราจะดูว่ารัฐบาลไหนมีวิธีการจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างไร เราต้องดูว่าเงินไปอยู่ที่ไหน อย่างเรื่องนโยบายการคมนาคม ที่ผ่านมารัฐบาล คสช.อนุมัติเงินไปที่โครงการรถไฟเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ซึ่งถามจริงๆว่าในชีวิตจริง จะมีกี่คนที่นั่งเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปเปลี่ยนเครื่องที่ดอนเมืองหรืออู่ตะเภา ถ้าจะลดความเหลื่อมล้ำทำไมไม่เอาเม็ดเงินก้อนนี้ไปทำการคมนาคมสาธารณะให้ต่างจังหวัด ทุกวันนี้จังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆรถขนส่งสาธารณะเข้าเมืองยังแทบไม่มี ทำไมเราไม่เอาเงินไปทำระบบขนส่งสาธารณะในต่างจังหวัดเชื่อมระหว่างตลาด ชุมชน สถานที่ราชการ แต่กลับเอาเงินไปทำรถไฟเชื่อมสามสนามบินเพื่อเอื้อกับกลุ่มทุนใหญ่

นายธนาธรกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าการพัฒนาที่ผ่านมาไม่ใช่การพัฒนาเพื่อประชาชน คำถามคือการดูว่าประเทศที่เจริญและพัฒนาแล้วเราต้องดูที่ไหน แน่นอนว่าไม่ใช่การดูที่รถเฟอรารี่วิ่งบนถนนกี่คัน ตนเห็นว่าเราไปดูแค่บนฟุตบาทนับตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็พอ การดูว่าประเทศไหนที่เจริญแล้วดูง่ายๆเลย อย่างทุกวันนี้ประเทศไทยกำลังเป็นสังคมผู้สูงอายุ เราดูง่ายๆว่าคนแก่ที่นั่งวีลแชร์สามารถเดินทางออกจากบ้านไปตลาดด้วยตัวเองคนเดียวบนฟุตบาทได้หรือไม่ ประเทศที่เจริญแล้วต้องดูที่ตรงนี้


“ที่เป็นแบบนี้เพราะไม่เคยมีประชาชนอยู่ในประเทศ เมื่อไม่มีประชาธิปไตยก็ไม่มีประชาชน การพัฒนาที่เกิดขึ้นก็จะเป็นการพัฒนาที่มองไม่เห็นประชาชนอย่างที่ผ่านมา เพราะรัฐไทยไม่เคยมองเห็นประชาชน เรื่องนี้จึงตอบโจทย์ที่ว่าพรรคฝั่งที่อยู่กับประยุทธ์จะพูดเหมือนกันหมด ว่าประชาธิปไตยไม่ต้องสนใจ แก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน นี่คือการหลอกลวง เพราะระบบการเมืองที่ดีเท่านั้นถึงจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดีได้”
นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องมาทบทวนว่าระบบการเมืองที่ดีคืออะไร ระบบการเมืองที่ดีคือระบบที่คนเห็นต่างจะอยู่ร่วมกันได้สันติ และมีประชาชนอยู่ในประเทศ เป็นคนที่ต้องได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาที่แท้จริง นี่คือภารกิจของคนรุ่นเรา ที่เราจะต้องแก้ให้ได้เพื่อส่งสังคมที่ดีกว่านี้ให้ลูกหลานของเราให้ได้

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
บ.ซันโยฯ ขาดทุนยับ สั่งปิดกิจการ มีผล 31 ส.ค. 62 นี้