“สมคิด” สั่งรุกส่งออกครึ่งปีหลัง แม้หั่นเป้าส่งออกเหลือ 3% จากเดิม 8% จี้ 58 สนง.ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เจาะตลาดรองทั่วเอเชีย แนะร่วมบีโอไอ-ท่องเที่ยวดึงรายได้เข้าประเทศ ชดเชยสงครามการค้าทุบส่งออกวูบ
วันนี้ (31 พ.ค.62) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์ ) 58 แห่งทั่วโลก เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงานและแนวทางการขับเคลื่อน การส่งออกของรัฐบาล โดยนายสมคคิด กล่าวว่า ให้ทูตพาณิชย์ นำแผนเจาะตลาดรายภูมิภาครวมถึงเมืองรอง ไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะตลาดอินเดีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น ส่วนตลาดอาเซียนอยากให้เน้นเป็นพิเศษ และเร่งขจัดอุปสรรคทำให้สินค้าไทยเข้าไปได้ง่ายขึ้นจากเป็นตลาดที่มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกที่สุด
“ขณะนี้ตราสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงขอให้รุกตลาดช่วงครึ่งปีหลังให้หนัก อย่าเพิ่งมองยาวถึงปีหน้า และให้ดึงกระทรวงการต่างประเทศมาร่วมคุยกับลูกค้า เพื่อให้เข้าถึงตลาดอย่างแท้จริง” นายสมคิด กล่าว
พร้อมกันนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เสนอปรับลดเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ขยายตัวที่ 3% มูลค่า 260,184 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเป้าหมายเดิมที่ 8% ซึ่งมีผลพวงหลักจากสงครามการค้ากระทบส่งออกไทยช่วง 4 เดือนแรกติดลบเกือบทุกตลาด อาทิ ลาตินอเมริกา ติดลบ 4.6% เอเชียใต้ -3.15% จีน -8.1% อาเซียน(5) -7.1% ญี่ปุ่น -1.3% ทวีปออสเตรเลีย -9.6% ภูมิภาคยุโรป -5.2% ตะวันออกกลาง -7.4% แอฟริกา – 3.5% ส่งผลให้การส่งออกไทยในช่วง 4 เดือน ติดลบ1.9% โดยมีมูลค่าส่งออก 80,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ไทยควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จะกลายเป็นโอกาสสำคัญ ที่จะต้องให้ข้อมูล และการช่วยเหลือภาคเอกชนไทย รวมถึงตลาดใหญ่อย่างอินเดีย ที่เศรษฐกิจยังขยายตัวสูงถึง 7% ที่ควรจะมีแผนการผลักดันส่งออกชัดเจน ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จะต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บีโอไอ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศ โดยใช้นโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุน และการท่องเที่ยว หากมีนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น จะส่งผลดีต่อการซื้อสินค้าในประเทศ ขณะเดียวกัน จะต้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพสินค้า ขยายตลาดผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรไทย” นายสมคิด กล่าวย้ำ
ในส่วนมาตรการผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การค้าโลก จะต้องพยายามรักษาระดับการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย โดยจะต้องบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ซึ่งทูตพาณิชย์ จะต้องจัดทำแผนเจาะตลาดรายภูมิภาครวมถึงเมืองรอง และนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะตลาดอินเดีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น เฉพาะตลาดอาเซียน ต้องเร่งขจัดอุปสรรคทำให้สินค้าเข้าไปได้ง่ายขึ้น จากเป็นตลาดที่อยู่ใกล้และมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกที่สุด ขณะที่สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ รวมถึงการเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น
ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ยังมั่นใจปีนี้การส่งออกไทยจะไม่ติดลบแน่นอน โดยในช่วง 8 เดือนที่เหลือต่อจากนี้จะเดินหน้าผลักดันการส่งออกให้ได้มูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 22,455 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อทำให้การส่งออกไทยทั้งปีขยายตัวได้ 3%
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ถูกจับตามองในประเด็นการปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ลงจากที่กระทรวงพาณิชย์เคยกำหนดเป้าหมายท้าทายไว้ที่เติบโต 8% ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการค้าโลกไม่เป็นใจเท่าใดนัก
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
สงครามการค้าทำส่งออก วูบ! ติดลบ 2.57% “สมคิด”นัดถกเป้าใหม่ 31 พ.ค.นี้