สงครามการค้าระลอกใหม่เตรียมระอุ เมื่อผลการเจรจาครั้งล่าสุดจีน-สหรัฐ ล้มเหลว ทรัมป์สั่งให้จัดเก็บภาษีที่ค้างอยู่ทั้งหมดราว 10.4 ล้านล้านบาท ในขณะที่จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ 5-25 % เดือนมิ.ย.นี้
สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐระลอกใหม่ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากการเจรจากันในระระดับผู้แทนการค้าของจีนและสหรัฐฯ หารือกันที่กรุงวอชิงตันเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทันกำหนดเส้นตายภายใน 10 พ.ค. ทำให้การเจรจาไม่บรรลุข้อตกลง หลังจกนั้น ทรัมป์ได้สั่งให้เริ่มกระบวนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออีกทั้งหมด 325,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 10.4 ล้านล้านบาท) ในอัตรา 25% และการสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนชุดก่อนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.4 ล้านล้านบาท) ที่รวมทั้งปลา กระเป๋าถือ เสื้อผ้าและรองเท้า จาก 10% เป็น 25% ซึ่งทรัมป์ประกาศเมื่อ 5 พ.ค.มีผลบังคับใช้หลังช่วงเที่ยงคืนวันที่ 10 พ.ค.
โดยท่าที่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ทวิตเตอร์เมื่อ 12 พ.ค. ยืนยันว่าสหรัฐฯวางตัวในที่ที่ถูกต้องและต้องการขัดแย้งกับจีน เพราะว่าจีนเป็นฝ่ายผิดสัญญาและกลับมาขอเจรจากันใหม่ จีนจะจ่ายภาษีสินค้านำเข้าให้สหรัฐฯหลายพันล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องจ่าย
สำหรับมาตรการตอบโต้ของจีน ได้ประกาศการขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลล่าร์ในเดือนหน้าโดยจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่ 5-25% นอกจากนี้จีนอาจจะทำให้เรื่องนี้ร้อนแรงมากขึ้นโดยการคว่ำบาตรสินค้าการเกษตรสหรัฐเทขายหนี้ของสหรัฐที่จีนถือไว้ และลดการสั่งจองเครื่องบินโบอิ้ง
มาตรการตอบโต้ของจีนที่ประกาศเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาเน้นไปที่สินค้าการเกษตรและสินค้าโรงงาน โดยเป็นการขยับภาษีขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับที่สหรัฐปรับขึ้นสินค้าจากจีน แต่จีนก็เปิดช่องว่างการหาทางออกจนกว่าจะถึงวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่การขึ้นภาษีของจีนจะมีผลบังคับใช้
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ยังเปิดทางสำหรับการรอมชอม โดยบอกว่า เขาหวังว่าจะมีการหารือที่ออกดอกออกผลกับผู้นำจีนในเดือนหน้าระหว่างการประะชุมกลุ่ม จี 20 ที่ญี่ปุ่น แต่ขณะเดียวกันก็สั่งสหรัฐเตรียมกระบวนการขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็นมูลค่าราว 3 แสน 2 หมื่น 5 พันล้านดอลล่าร์ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำมาตรการนี้มาใช้เมื่อไหร่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เดิมพันของ “ประชาธิปัตย์” จมกับอดีต หรือ จะอยู่กับปัจจุบัน