“พาณิชย์” ชี้ช่องรวย ลงทุนโรงแรม-ที่พักในอินเดีย

“พาณิชย์” ชี้ช่องรวย ลงทุนโรงแรม-ที่พักในอินเดีย


น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดและโอกาสของธุรกิจโรงแรมในอินเดียว่า ขณะนี้รัฐบาลอินเดียได้มีนโยบายในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ในธุรกิจบริการที่พัก โรงแรม เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว
เพราะเป็นส่วนที่จะช่วยเพิ่มการสร้างงานในประเทศ และสนับสนุนให้มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลอินเดียได้ผลักดันให้ธุรกิจที่พัก โรงแรม ธุรกิจบริการด้านการประชุมและการแสดงสินค้าต่างๆ (MICE) และบริการอื่นๆ อาทิ สปา และสถานบันเทิง เป็นต้น
โดยกำหนดให้เป็นหนึ่งใน 10 สาขาสำคัญที่จะส่งเสริมการลงทุน และอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในกิจการได้สูงสุด 100%
ทั้งนี้ นอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุน รัฐบาลอินเดียยังได้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวในรัฐต่างๆ ทั่วอินเดียภายใต้โครงการ Swadesh Darshan ที่พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามจุดเด่นของแต่ละภูมิภาค หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา/วัฒนธรรม เชิงสุขภาพและการแพทย์ รวมถึงการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล
และยังมีมาตรการสนับสนุนด้านการออกวีซ่า และการเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลในอินเดีย ส่วนในด้านตลาดต่างประเทศ รัฐบาลได้กระตุ้นตลาดภายใต้แคมเปญ Incredible India 2.0 โดยตั้งเป้าจะดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาเยือนอินเดียไม่น้อยกว่า 20 ล้านคนในปี 2020
โดยสถิติในปัจจุบันพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากบังกลาเทศ อเมริกา และยุโรป ตามลำดับ ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซียมีจำนวนมากติดอันดับ โดยมีสัดส่วนประมาณ 3%
“ในภาพรวม ห้องพักในอินเดียยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มีจำนวนมากถึง 1,600 คน และขยายตัวประมาณ 10% ต่อปี ในปี 2017-18 พบว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมโดยเฉลี่ยทั่วทั้งอินเดียอยู่ที่ 66.6% ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าในช่วงปี 2018–2021 ความต้องการจะขยายตัวที่ 12% แต่ปริมาณห้องพักจะเพิ่มขึ้นมารองรับได้เพียง 8% ในขณะที่ Credit Rating Agency (ICRA) คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักในอินเดียจะสูงสุดในปี 2021-2022 ที่ประมาณ 69-70%”น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว

น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวอีกว่า “จากแนวโน้มการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลอินเดีย จึงเป็นสัญญาณในทางบวก และโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่พักในอินเดีย ควรศึกษาลู่ทางเข้ามาลงทุนภายใน 1-2 ปีนี้ เพื่อความได้เปรียบจากการเข้าถึงตลาด ด้วยการสร้างความคุ้นเคยและเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางการตลาดก่อนคู่แข่ง
ซึ่งจากการศึกษาของ HVS Global Hospitality Services พบข้อสังเกตว่า โรงแรมในอินเดียที่เริ่มกิจการก่อน จะสามารถมีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่าโรงแรมที่เริ่มกิจการในภายหลัง และยังมีราคาเฉลี่ยต่อห้องที่สูงกว่าโรงแรมที่เริ่มกิจการในภายหลัง”
ทั้งนี้ โอกาสในการลงทุน สามารถเข้าไปลงทุนโรงแรมขนาดใหญ่ จนถึงโรงแรมราคาประหยัด และ Guest House โดยเฉพาะในเมืองรองต่างๆ ทั่วอินเดีย เช่น Surat , Ahmedabad , Mangalore , Kochi , Thiruvanathpuram , Bhopal , Indore , Nagpur , Dehradun และ Darjeeling รวมถึงควรพิจารณาเข้าไปลงทุนทำธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ รองรับผู้ที่ต้องการพักอาศัยในระยะยาวหรือชาวต่างชาติที่เข้าไปบุกเบิกธุรกิจในเมืองรองต่างๆ
และนอกเหนือจากที่พัก ก็มีโอกาสลงทุนทำร้านอาหาร คาราโอเกะ บริการนวด สปา การจัดเลี้ยง การแสดง นิทรรศการ จับคู่ธุรกิจ และร้านของที่ระลึก รวมถึงจัดการประชุมให้กับหอการค้าในพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าไปลงทุน ควรหาหุ้นส่วนชาวอินเดีย เพื่อลดอุปสรรคและปัญหาต่างๆ และใช้บริการ Project Planner เพื่อให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและจัดการผู้รับเหมา และในด้านการตลาด ควรใช้การตลาดออนไลน์แบบ Hotel Direct ควบคู่ไปกับการใช้ช่องทางจำหน่ายผ่าน Online Travel Aggregator (OTA) โดยจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อาทิ ผู้สูงอายุ นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว/หมู่คณะ เพื่อสร้างความผูกพันและการกลับมาใช้บริการซ้ำในลักษณะสมาชิกของโรงแรม

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
https://www.thaiquote.org/content/64333