ท็อปส์ ยืนยันมีสินค้าเพียงพอรองรับความต้องการลูกค้าในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ท็อปส์ ยืนยันมีสินค้าเพียงพอรองรับความต้องการลูกค้าในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าขานรับนโยบายภาครัฐ ประกาศความพร้อมในการดำเนินมาตรการตามแนวทางของกระทรวงพาณิชย์ ด้วยการบริหารจัดการสินค้าและระบบขนส่งอย่างใกล้ชิด เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากชายแดนไทยกัมพูชา

 

ดยเฉพาะในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจันทบุรี ซึ่งมีสาขาท็อปส์รวมกว่า 5 แห่ง โดยได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการวางแผนจัดการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าอย่างเป็นระบบให้สามารถจัดส่งและกระจายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง และเพียงพอกับความต้องการของประชาชนได้อย่างทันท่วงที

 

 

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีประกาศขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ร่วมประเมินสถานการณ์และวางแผนการจัดส่งสินค้าให้สามารถกระจายเข้าสู่พื้นที่อย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา จากสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ท็อปส์ ในฐานะองค์กรค้าปลีกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ ได้เดินหน้าขานรับและดำเนินตามมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ อาทิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจันทบุรี ซึ่งมีสาขาท็อปส์รวมกว่า 5 แห่งนั้น บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังและตรวจสอบสต็อกสินค้าอย่างใกล้ชิด และพร้อมสั่งเติมทันทีหากพบว่าสินค้ามีไม่เพียงพอ ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีรายงานสินค้าขาดตลาด อีกทั้งได้วางแผนโลจิสติกส์อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าเข้าสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างปลอดภัย รวมถึงได้เพิ่มปริมาณสินค้าที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงแล้วก็ตาม

 

 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่ามีการซื้อสินค้าเป็นลอตใหญ่ทั้งเพื่อกักตุนและนำไปบริจาคในบางพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนเลือกซื้อกลุ่มสินค้าที่เก็บรักษาได้นานและบริโภคได้สะดวกมากขึ้น อาทิ น้ำดื่ม ข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรส และอาหารสำเร็จรูปประเภทต่างๆ รวมถึง ยากันยุงที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้อพยพออกจากภูมิลำเนาที่มีความสุ่มเสี่ยง ท็อปส์จึงได้จัดเติมสินค้าอย่างต่อเนื่องในทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง

 

นายสเตฟาน กล่าวเสริมว่า เราขอยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอรองรับกับความต้องการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ครอบคลุมช่วงเวลาไปตลอดจนที่ประชาชนทยอยเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ”

 

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา     

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ เพื่อส่งต่อความห่วงใยแก่พี่น้องคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบ ท็อปส์ได้นำทีมพนักงานชาวท็อปสเตอร์ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสนับสนุนศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ในการสำรองโลหิตช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งส่งมอบของใช้จำเป็นสำหรับอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ผ้าอนามัย ยากันยุง ผ้าอ้อมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ตลอดจนของใช้ในครัวเรือน อาทิ น้ำมันพืช น้ำปลา และน้ำยาล้างจาน เป็นต้น ให้แก่ศูนย์พักพิงในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ครอบคลุมกว่า 2,000 ครัวเรือน รวมถึงพนักงานและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท

 

 

ท็อปส์ยึดมั่นในแนวทางการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคมเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ อันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ ‘12 Missions to Sustainable Retail’ ภายใต้แนวคิด ‘Small Acts Together’ ของท็อปส์ ที่มุ่งมั่นลงมือทำสิ่งเล็กๆ เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ นายสเตฟาน กล่าวสรุป