ชาวเชียงรายนัดใหญ่ 5 มิ.ย. เรียกร้องรัฐหยุดทำเหมือง และฟื้นฟูลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง

ชาวเชียงรายนัดใหญ่ 5 มิ.ย. เรียกร้องรัฐหยุดทำเหมือง และฟื้นฟูลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง

 

หยุดฆาตกรรมแม่น้ำ! ชาวเชียงรายนัดใหญ่ 5 มิ.ย. วันสิ่งแวดล้อมโลก รวมพลัง ‘ปิดเหมือง-ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง

 

ชาวเชียงรายและพื้นที่ลุ่มน้ำกก-สาย เตรียมจัดกิจกรรมใหญ่นัดรวมพลวันพุธที่ 5 มิถุนายน 2568 ซึ่งตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก ภายใต้แนวคิด “หยุดฆาตกรรมแม่น้ำ!” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เมียนมา จีน และกองกำลังชาติพันธุ์ หยุดการทำเหมืองต้นน้ำที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเร่งฟื้นฟูลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษปนเปื้อน

กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เช้าไปจนถึงเที่ยง โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน หรือประมาณ 1% ของประชากรในจังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจทั้งในและนอกประเทศ

 

กำหนดการกิจกรรม 5 มิ.ย. 2568: แสดงพลัง หยุดเหมือง

ณ สนามฝึก รด. จังหวัดเชียงราย และบริเวณสะพานแม่น้ำกก

  • 08.00 – 09.00 น.: รวมพล ณ สนามฝึก รด.
  • 09.00 – 10.00 น.: พิธีกรรมศาสนาพุทธ คริสต์ และชาติพันธุ์
  • 10.00 – 11.00 น.: ขบวนแห่ “ปอยหลวงปิดเหมือง” เคลื่อนผ่านสะพานแม่น้ำกกหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย พร้อมส่งหนังสือถึง:
    • นายกรัฐมนตรีไทย
    • ประธานาธิบดีจีน
    • รัฐบาลเมียนมา
    • กองทัพสหรัฐว้า
    • การรณรงค์ติดริบบิ้น ปล่อยป้ายผ้า โปรยดอกไม้ สะท้อนความทุกข์ชาวบ้าน
  • 11.00 – 12.00 น.: การปราศรัย ดนตรี และกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

 

เวทีถกปัญหาก่อนวันจริง: ภาคประชาชนร่วมกำหนดทิศทาง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย มีการจัดเวทีประชุม “ปกป้องแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย / ปิดเหมืองต้นน้ำ – ฟื้นฟูลุ่มน้ำ” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 70 คน จากหลายภาคส่วน เช่น พระสงฆ์ นักธุรกิจ ศิลปิน นักการเมืองท้องถิ่น และชาวบ้านจากเชียงใหม่และเชียงราย

เวทีดังกล่าวมีข้อเสนอร่วมกันในการนัดรวมพลังครั้งใหญ่ในวันที่ 5 มิถุนายน โดยผู้ร่วมประชุมเห็นพ้องว่า กิจกรรมครั้งนี้ควรขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น อำเภอแม่สาย เชียงแสน และมีข้อเสนอให้เชิญสถานทูตจีน ตัวแทนกองกำลังว้า และรัฐบาลเมียนมาเข้าร่วมรับฟังเสียงจากประชาชนด้วย

 

ต้นตอปัญหา: เหมืองแร่เถื่อนต้นน้ำจากรัฐฉาน

นางสาวเพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ องค์กร International Rivers กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังพบการเปิดหน้าดินในรัฐฉานของเมียนมา ซึ่งควบคุมโดยกองกำลังว้า เพื่อทำเหมืองขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตร โดยไม่มีการกำกับดูแล

ข้อมูลระบุว่าเหมืองเหล่านี้ปล่อยสารพิษ เช่น สารหนูและโลหะหนัก ลงสู่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ส่งผลให้มีการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งได้รับการยืนยันจากผลการตรวจสอบน้ำโดยหน่วยงานภาครัฐไทย

 

นักวิชาการเตือน: ผลกระทบแค่เริ่มต้น อนาคตรุนแรงกว่านี้

ดร.สืบสกุล กิจนุกร จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวเตือนว่า สารปนเปื้อนในปีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากยังปล่อยให้เหมืองอยู่ต่อไปอีกหลายปี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนจะรุนแรงขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดน้ำหลากและโคลนถล่มในฤดูฝน

เขาเรียกร้องให้ประชาชนร่วมออกมาแสดงพลังให้รัฐบาลไทย และประเทศเพื่อนบ้านเห็นว่าปัญหานี้ร้ายแรง และควรยกระดับเป็น “ปัญหาความมั่นคงของชาติ”

 

เสียงจากประชาชน

ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นต่างตั้งคำถามว่า “สารพิษที่ไม่เกินมาตรฐาน” ตามที่รัฐบอกนั้น จะสะสมในร่างกายคนอย่างไร และจะปลอดภัยจริงหรือไม่ ขณะที่อดีตข้าราชการบางรายถึงกับเสนอว่า “หากเหมืองปล่อยสารพิษ ก็ให้เอาสารพิษไปทิ้งที่บ้านตัวเอง ไม่ใช่ทิ้งลงแม่น้ำของเรา”

 

พระมหานิคม มหาภินิกฺขมโน จากวัดท่าตอน จ.เชียงใหม่ เปรียบแม่น้ำกกเป็น“แม่ที่ป่วยอยู่ในห้องไอซียู” ที่ทุกคนรู้ว่าควรรักษาอย่างไร แต่รัฐกลับเพิกเฉย ชี้ว่าควรยกระดับการรณรงค์ให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความทุกข์ของประชาชน

 

เหมืองแรร์เอิร์ธ: ปัญหาข้ามชาติที่จีนเป็นศูนย์กลาง

นายซอแลต นักวิจัยอิสระชาวคะฉิ่น เปิดเผยว่า เหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมามีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในรัฐคะฉิ่นที่มีเหมืองถึง 200-300 แห่ง ซึ่งขยายเข้ามาถึงรัฐฉานและใกล้ชายแดนไทย ปัจจุบันเหมืองเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ และผลิตแร่เพื่อส่งให้จีนโดยตรง

ผลกระทบที่เกิดขึ้นในแม่น้ำอิรวดีแสดงให้เห็นว่าเหมืองเหล่านี้ปล่อยสารเคมีที่ฆ่าปลา วัวควายล้มตาย และชาวบ้านไม่สามารถประกอบอาชีพได้อีกต่อไป เขาเรียกร้องให้ไทยยกระดับปัญหานี้สู่ระดับรัฐสภา และความร่วมมือภูมิภาค

 

รัฐบาลต้องลุกขึ้นรับผิดชอบ!

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชื่อดัง ระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยยังไม่เห็นความสำคัญของปัญหานี้ และไม่ยอมยกระดับสู่ระดับความมั่นคงของชาติ ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

เขาย้ำว่า วันที่ 5 มิถุนายน คือจุดเริ่มต้นสำคัญในการรวมพลังของภาคประชาชน และจะมีการจัดเวทีสาธารณะเพิ่มเติมในวันที่ 24 มิถุนายน เพื่อเปิดเผยข้อมูลและเชิญชวนประชาชนร่วมเคลื่อนไหวต่อเนื่อง

 

ข้อเรียกร้อง: หยุดเหมือง หยุดสารพิษ ฟื้นฟูแม่น้ำ

การเคลื่อนไหวในวันที่ 5 มิถุนายน ไม่ได้มีแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังรวมถึงข้อเรียกร้องที่ชัดเจนต่อรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และกองกำลังชาติพันธุ์ในพื้นที่ ได้แก่:

  • หยุดการทำเหมืองต้นน้ำทันที
  • ยุติการรับซื้อแร่จากเหมืองเถื่อน
  • เริ่มกระบวนการฟื้นฟูลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง
  • เปิดเผยข้อมูลผลกระทบสิ่งแวดล้อมแก่สาธารณะ
  • เชิญประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาติร่วมแก้ปัญหา

 

 

อ้างอิง

 

อ้างอิง