ท่ามกลางอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานดัชนี CCPI 2025 เผยภาพสะท้อนการรับมือวิกฤตโลกร้อนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ที่น่าสนใจคือ แม้ไทยจะขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 24 แต่กลับไม่มีประเทศใดที่ได้รับการจัดอันดับ 1-3 เลย
สะท้อนความจริงอันน่าวิตกว่า การรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศของทั่วโลกยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ควรจะเป็น
ดัชนี CCPI ซึ่งประเมินความพยายามในการลดก๊าซเรือนกระจกของ 60 ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ได้สร้างคำถามสำคัญว่า เหตุใดจึงไม่มีประเทศใดที่ทำได้ดีพอจะครองอันดับสูงสุด? และประเทศใดที่มีการรับมือโลกร้อนแย่ที่สุด?
บทวิเคราะห์นี้จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์โลกร้อนที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ พร้อมเจาะลึกว่าเหตุใดบางประเทศจึงล้มเหลวในการรับมืออย่างน่าใจหาย ขณะที่บางประเทศกลับมีความก้าวหน้าอย่างน่าจับตามอง

มนุษยชาติยังล้มเหลวในการรับมือโลกร้อน
รายงานดัชนีประสิทธิภาพการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Performance Index 2025 CCPI) ที่เพิ่งเผยแพร่ในการประชุม COP29 สะท้อนภาพชัดเจนว่า ความพยายามของมนุษยชาติในการแก้ไขวิกฤตโลกร้อนยังไม่มากพอ โดยไม่มีประเทศใดในโลกที่ทำได้ดีเพียงพอจนได้รับการจัดอยู่ในอันดับ 1-3 ของการจัดอันดับ
ดัชนี CCPI ประเมินความพยายามในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ 63 ประเทศและสหภาพยุโรป ซึ่งครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 90% ของโลก โดยพิจารณาจาก 4 หมวดหมู่หลัก
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (40%)
- พลังงานหมุนเวียน (20%)
- การใช้พลังงาน (20%)
- นโยบายด้านสภาพอากาศ (20%)

ใครทำได้ดีที่สุดในโลก?
แม้ว่าอันดับ 1-3 จะยังว่างเปล่า แสดงให้เห็นว่าไม่มีประเทศใดที่ทำได้ตามเกณฑ์เพื่อบรรลุเป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C ตามข้อตกลงปารีส แต่ยังมีประเทศที่มีความพยายามโดดเด่น ได้แก่:
- เดนมาร์ก (อันดับ 4) – มีนโยบายสภาพภูมิอากาศที่แข็งแกร่งและผลงานดีในการลดการปล่อยก๊าซ
- เนเธอร์แลนด์ (อันดับ 5)
- สหราชอาณาจักร (อันดับ 6) – ขยับขึ้นมาเพราะนโยบายเลิกใช้ถ่านหินและการยืนยันไม่ออกใบอนุญาตการขุดเจาะฟอสซิลใหม่
- ฟิลิปปินส์ (อันดับ 7)
- โมร็อกโก (อันดับ 8)
- นอร์เวย์ (อันดับ 9)
- อินเดีย (อันดับ 10) – แม้จะเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับ 3 ของโลก แต่ยังคงติดอันดับท็อป 10

ประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไร?
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 จัดอยู่ในกลุ่ม “ระดับปานกลาง” แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีแนวนโยบายที่ชัดเจน แต่การปฏิบัติจริงและระดับการดำเนินการยังไม่เพียงพอ
จุดแข็งของไทย
- เริ่มมีนโยบายระยะยาว เช่น ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- แผนพลังงานแห่งชาติ และการส่งเสริมการใช้ EV
- ทดลองระบบซื้อขายไฟฟ้าหมุนเวียน
- มีเป้าหมาย Net Zero ปี 2065 และ Carbon Neutrality ปี 2050
จุดอ่อนของไทย
- สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนยังต่ำ
- นโยบายด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศยังไม่เข้มข้นพอ
- ภาคพลังงานยังปล่อยคาร์บอนสูงมาก

ประเทศไหนที่รับมือโลกร้อนได้แย่ที่สุด?
ประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในการรับมือโลกร้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
- อิหร่าน (อันดับ 67)
- ซาอุดีอาระเบีย (อันดับ 66)
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (อันดับ 65)
- รัสเซีย (อันดับ 64)
ประเทศเหล่านี้ยังคงพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอย่างหนัก ขาดนโยบายสภาพภูมิอากาศที่จริงจัง และไม่มีการลงทุนเพียงพอในพลังงานหมุนเวียน
มหาอำนาจโลกทำได้แค่ไหน?
น่าแปลกใจที่หลายประเทศมหาอำนาจกลับมีความคืบหน้าน้อยในการรับมือโลกร้อน:
- เกาหลีใต้ (อันดับ 63)
- แคนาดา (อันดับ 62)
- จีน (อันดับ 60)
- ญี่ปุ่น (อันดับ 58)
- สหรัฐฯ (อันดับ 57)
สำหรับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ยังคงจัดอยู่ในกลุ่ม “ต่ำมาก” และผลจากการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีบทบาทต่อแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ในอีกหลายปีข้างหน้า
ส่วนจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก อยู่ในอันดับที่ 55 จัดอยู่ในกลุ่มที่มีคะแนน “ต่ำมาก” แม้ว่าจะมีการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนในระดับมหาศาล แต่ยังคงพึ่งพาถ่านหินอย่างหนัก
กลุ่ม G20 ยังทำได้ไม่ดีพอ
จากกลุ่มประเทศ G20 มีเพียงสหราชอาณาจักรและอินเดียเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มประเทศที่ทำได้ดี ในขณะที่อีก 14 ประเทศได้รับคะแนน “ต่ำ” หรือ “ต่ำมาก” ทั้งที่กลุ่ม G20 คิดเป็นมากกว่า 75% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
สหภาพยุโรปนำหน้า
นโยบาย Green Deal ของสหภาพยุโรปเริ่มเห็นผล โดยภาพรวมสหภาพยุโรปอยู่อันดับที่ 17 จัดอยู่ในกลุ่ม “กลางค่อนไปทางสูง” ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 16 ประเทศอยู่ในกลุ่มที่ทำได้ “ดี” หรือ “ปานกลาง” และไม่มีประเทศใดได้รับคะแนน “ต่ำมาก”

สรุป โลกยังล้มเหลวในการรับมือโลกร้อน
ดัชนี CCPI ปี 2025 เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า โลกยังคงล้มเหลวในการรับมือวิกฤตโลกร้อนอย่างจริงจัง แม้ว่า 61 จาก 63 ประเทศจะเพิ่มพลังงานหมุนเวียน แต่ในทางปฏิบัติแล้วหลายประเทศยังไม่สามารถลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้จริงตามเป้าหมาย
สำหรับไทย แม้จะมีความพยายามชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขั้น “พอใช้” เท่านั้น ซึ่งการปรับทิศทางนโยบายและการปฏิบัติให้เด็ดขาดและรวดเร็วกว่านี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
อ้างอิง
https://spacebar.th/social/sustainability-climate-change-performance-index-2025
https://ccpi.org/download/climate-change-performance-index-2025/?filename=CCPI-2025-Results
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
ศึกษาโมเดล ‘ถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ’ ผลผลิตพุ่ง 53% ยกระดับเกษตรไทยสู่ตลาด ESG โลก
