ไทยก้าวสู่ความเท่าเทียม ตามเป้าหมายSDGs ข้อ 5 มุ่งหน้าสู่วันจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เปิดจุดบริการ ขั้นตอนและข้อกฎหมายควรทราบ ไม่ให้พลาดเตรียมเอกสาร อย่าลืมลงทะเบียนนัดวันก่อนเดินทาง
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) เป็นแผนงานระดับโลกที่ตั้งเป้าไว้ถึงปี 2030 เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหมด 17 เป้าหมาย โดย เป้าหมายที่ 5 มุ่งเน้นเรื่อง ความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียม
เนื้อหาหลักของเป้าหมายนี้ คือการยุติความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กหญิงในทุกรูปแบบ รวมถึงการส่งเสริมสิทธิของเพศหญิงในการเข้าถึงทรัพยากร การศึกษา การทำงาน และการมีบทบาทในสังคมอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่น การเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกับวัย และการพัฒนาศักยภาพในตัวเองอย่างอิสระ
ในประเทศไทยเอง เราเห็นความก้าวหน้าชัดเจนในเรื่องความเสมอภาคทางเพศ เช่น ดัชนีความไม่เสมอภาคทางเพศ ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมไทย
อีกก้าวสำคัญ ปลายปี 2567 คือการที่ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านการอนุมัติ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป การมีกฎหมายนี้ไม่เพียงสร้างความเท่าเทียมในเรื่องสิทธิของเพศสภาพ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่าในอนาคต ทุกคนในสังคมไทยจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรมมากขึ้น
ทุกจังหวัดเตรียมบริการ
สำหรับการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม สามารถใช้บริการได้ที่สำนักทะเบียนอำเภอ 878 แห่ง สำนักทะเบียนเขต 50 แห่ง และสถานทูตหรือกงสุลไทยในต่างประเทศอีก 94 แห่ง โดยไม่จำกัดภูมิลำเนาของคู่สมรส นอกจากนี้ ยังมีจุดบริการ “อำเภอ…ยิ้ม” จำนวน 19 แห่ง
เพื่ออำนวยความสะดวก และกรมการปกครองยังเปิดระบบลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าได้ถึง 15 วันผ่านทางเว็บไซต์ a-online.bora.dopa.go.th หรือแอปพลิเคชัน ThaID โดยคิวสุดท้ายในแต่ละวันจะไม่เกินเวลา 16.00 น. ทั้งนี้ ทุกจังหวัดในประเทศไทยเข้าร่วมให้บริการอย่างครอบคลุม ไม่มีจังหวัดไหนที่ไม่ได้เข้าร่วม
ซึ่งกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนคำว่า “ชาย” และ “หญิง” ให้เป็นคำว่า “บุคคล” ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้บุคคลสองคนสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่จำกัดเพศ นับเป็นก้าวสำคัญในการรับรองสิทธิของคู่รักเพศเดียวกันเป็นครั้งแรกในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนคำเรียกจาก “สามี-ภรรยา” เป็น “คู่สมรส” ซึ่งเป็นคำที่มีความเป็นกลางทางเพศ
ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม
- เตรียมเอกสารที่จำเป็น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทุกชิ้นถูกต้อง ครบถ้วน และมีอายุใช้งานได้ เช่น ใบรับรองโสด (ถ้ามี) ควรตรวจสอบวันหมดอายุ - เดินทางไปยังสำนักงานเขต/อำเภอ
เลือกสำนักงานเขตหรืออำเภอที่สะดวกที่สุด พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม - ยื่นเอกสารและกรอกแบบฟอร์ม
ส่งเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ พร้อมกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอจดทะเบียนสมรสตามที่กำหนด - รับการตรวจสอบข้อมูล
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสาร หากเอกสารครบจะดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้ทันที - ลงนามและรับใบทะเบียนสมรส
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คู่สมรสจะลงนามในเอกสารสำคัญ และได้รับใบทะเบียนสมรส (สำเนาใบคู่ฉบับจะเก็บไว้ที่สำนักงานเขต/อำเภอ)
เอกสารที่ต้องเตรียม
- บัตรประจำตัวประชาชน ต้องเป็นบัตรที่ยังไม่หมดอายุ
- ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย
- ใบรับรองโสด (ถ้ามี) กรณีเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน ต้องมีใบหย่า หรือหลักฐานการเสียชีวิตของคู่สมรสเดิม
- กรณีเป็นชาวต่างชาติ หนังสือเดินทาง (Passport), ใบรับรองสถานภาพโสดจากสถานทูตประเทศของตน, เอกสารทั้งหมดต้องแปลเป็นภาษาไทยและรับรองเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ
- ใบมอบอำนาจ (ถ้ามี) หากผู้ยื่นคำร้องไม่สามารถมาด้วยตนเอง ต้องมีเอกสารมอบอำนาจพร้อมลายเซ็น
- เอกสารเพิ่มเติม (กรณีเฉพาะ) หากคู่สมรสเป็นเยาวชน (ต่ำกว่า 20 ปี) ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง และกรณีหนึ่งในคู่สมรสเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ต้องมีคำสั่งศาลที่ยินยอม
สิทธิในการสมรสของคู่สมรสเพศเดียวกัน
เมื่อจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม จะได้รับสิทธิเหมือนกับคู่สมรสหญิงชายตามกฎหมายไทย โดยสิทธิสำคัญที่ได้รับมีดังนี้
- หน้าที่และการอุปการะเลี้ยงดู คู่สมรสมีหน้าที่ต้องดูแลและอุปการะซึ่งกันและกันตามกฎหมาย
- การใช้ชื่อสกุล คู่สมรสมีสิทธิ์ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายได้
- การจัดการทรัพย์สิน คู่สมรสมีสิทธิ์จัดการสินสมรส (ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส) ร่วมกัน
- มรดก คู่สมรสมีสิทธิ์รับมรดกของกันและกัน
- สิทธิ์ทางราชการและงาน เช่น บำเหน็จตกทอดหรือเงินสงเคราะห์บุตรตามกฎหมายแรงงาน
- การเรียกร้องค่าเสียหาย ฟ้องร้องกรณีที่คู่สมรสเสียชีวิตจากผู้อื่นได้
- สิทธิ์ในคดีชู้ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากชู้หรือคู่สมรสที่นอกใจได้
- การลดหย่อนภาษี ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนค่าภาษีเงินได้ตามเงื่อนไข
- คดีอาญาในครอบครัว คู่สมรสที่ทำผิดระหว่างกัน เช่น การลักขโมยในครอบครัว จะไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย
- สิทธิ์ฟ้องแทน คู่สมรสสามารถฟ้องร้องแทนกันในกรณีที่ถูกทำร้าย เช่น การปล้นทรัพย์หรือการทำร้ายร่างกาย
- การรับบุตรบุญธรรม คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถยื่นคำร้องรับบุตรบุญธรรมได้เหมือนคู่สมรสหญิงชาย โดยจะได้รับการพิจารณาตามกระบวนการเดียวกัน ซึ่งต้องแสดงถึงความพร้อมในด้านความเป็นอยู่ การดูแล และความเหมาะสมในการเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย
แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมอบสิทธิ์อย่างครอบคลุม แต่การเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมและระบบราชการบางอย่างอาจใช้เวลา ดังนั้นควรตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการปกครอง หรือศาลเยาวชนและครอบครัว
นับว่าเป็นการรอคอยที่สำคัญ สำหรับทุกคนที่มองเห็นสิทธิความรักและความผูกพัน สมควรได้รับการยอมรับในทุกมิติอย่างเท่าเทียม การประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย จึงไม่เพียงเป็นความสำเร็จสำคัญของชุมชน LGBTQIAN+ แต่ยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าของสังคมที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีและความหลากหลายของมนุษย์
ในขณะเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคหันมาให้ความสำคัญกับสิทธิและความเท่าเทียมของชุมชน LGBTQIAN+ มากขึ้น และเปิดทางสู่การสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความเคารพในความแตกต่างและความเสมอภาคในอนาคต