จีวรรีไซเคิล จากขยะพลาสติก สู่ผ้านุ่งห่มแห่งธรรมะที่รักษ์โลก

จีวรรีไซเคิล จากขยะพลาสติก สู่ผ้านุ่งห่มแห่งธรรมะที่รักษ์โลก

วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นต้นแบบการจัดการขยะชุมชน ด้วยการรีไซเคิลพลาสติกเหลือใช้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น จีวรรีไซเคิล พร้อมส่งเสริมความรู้เรื่องการคัดแยกขยะจากต้นทาง ช่วยลดขยะพลาสติกและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

 

วัดจากแดง ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นต้นแบบการจัดการขยะในชุมชน ด้วยการนำพลาสติกเหลือใช้มารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น จีวรรีไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติก พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้เรื่องการคัดแยกขยะจากต้นทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชนในการลดขยะพลาสติกและสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์แปรรูป อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

 

 

จากขยะล้นน้ำ ล้นบก สู่ต้นแบบจัดการขยะอย่างยั่งยืน

วัดจากแดงเริ่มต้นแนวทางการบริหารจัดการขยะจากปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน ทั้งขยะบนบกอย่างเศษอาหาร เศษผักที่นำไปทำปุ๋ย และขยะในน้ำที่ถูกน้ำขึ้นน้ำลงพัดมากองอยู่หน้าวัด ทั้งขวดน้ำ ถุงพลาสติก กิ่งไม้ และเศษแก้ว ทางวัดจึงเริ่มต้นเก็บและคัดแยกขยะ พร้อมทั้งศึกษาเพิ่มเติมถึงวิธีการนำกลับมาใช้ประโยชน์ เมื่อเรียนรู้ว่าขวดพลาสติกใสสามารถขายได้ และพลาสติกบางประเภทที่ดูไร้ค่า ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นเสื้อผ้าได้ วัดจากแดงจึงเริ่มต้นทดลองนำพลาสติกเหล่านั้นมาทำรีไซเคิล 

 

 

 

 

จากขวดพลาสติก สู่จีวรแห่งธรรม

จุดเริ่มต้นของการทำจีวรรีไซเคิลของวัดจากแดง เริ่มจากการเก็บขวดพลาสติก PET นำมาอัดเป็นก้อนและส่งโรงงานแปรรูป เมื่อได้ผ้าม้วนกลับมา ก็ถูกนำไปตัดเย็บเป็นจีวรอย่างพิถีพิถัน การผลิตผ้าบังสุกุลจีวร 1 ผืน ใช้ขวดพลาสติก PET จำนวน 15 ขวด และสำหรับชุดไตรจีวรครบชุดต้องใช้ถึง 60 ขวด ทั้งนี้ วัดจากแดงคัดเลือกและส่งขวดพลาสติกที่เหมาะสมไปผ่านกระบวนการ Upcycling ในโรงงาน แปรรูปเป็นเส้นใยรีไซเคิล จากนั้นนำไปย้อมสี ถักทอ และตัดเย็บตามหลักพุทธบัญญัติ

แนวคิดจีวรรีไซเคิลเริ่มจากการไปดูงานที่ไต้หวัน ซึ่งมีการแปรรูปขวดพลาสติกเป็นเสื้อผ้า แต่ยังไม่เคยมีใครนำมาทำเป็นจีวร เมื่อวัดจากแดงริเริ่มผลิตจีวรรีไซเคิล ทางไต้หวันรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง และรับผ้าไตรจากเมืองไทยไปถวายที่มูลนิธิพุทธฉือจี้ ไต้หวัน ท่านธรรมาจารย์รับด้วยความปลื้มปีติ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาประสานกับวัดจากแดง เพื่อเรียนรู้และพัฒนาระบบรีไซเคิลร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการแยกขยะที่ต้นทางเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม!

 

 

เบื้องหลังกระบวนการผลิต

กระบวนการผลิตจีวรรีไซเคิลเริ่มจากการนำขวดพลาสติกไปบดและล้างทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน โดยใช้น้ำเย็นและน้ำร้อน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกและเส้นใย จากนั้นจึงนำเส้นใยที่ได้มาทอเป็นด้าย ย้อมสี และถักทอเป็นผืนผ้าก่อนนำมาตัดเย็บ หลายคนอาจกังวลเรื่องความสะอาดของขวดที่เก็บมาจากขยะ แต่กระบวนการนี้ถูกออกแบบให้ได้มาตรฐานสูงสุด

นอกจากนี้ ผ้าที่ได้ยังมีนวัตกรรม ซิงค์นาโน เอนตี้แบคทีเรีย ที่ถูกผสมลงในเส้นใยทำให้นุ่งห่มสบาย ช่วยป้องกันแบคทีเรีย ลดกลิ่นอับ ไม่ยับง่าย และแห้งไว จึงมั่นใจได้ว่าจีวรรีไซเคิลนี้ไม่เพียงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมอบความสบายในการสวมใส่ และมีคุณภาพสูงเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

 

 

จีวรรีไซเคิล ใส่แล้วอธิษฐานขึ้นหรือไม่?

จีวรพระจากขวดพลาสติกรีไซเคิลนั้นมั่นใจได้ว่าใส่แล้วอธิษฐานขึ้นตามพระธรรมวินัย เนื่องจากไม่ได้ทำจากพลาสติกเพียงอย่างเดียว แต่มีส่วนประกอบของพลาสติกรีไซเคิลเพียง 34% ผสมกับฝ้ายและซิงค์นาโน จึงถือเป็น “ผังธะ” หรือผ้าเจือกัน ซึ่งได้รับการอนุญาตตามพระไตรปิฎก

ในอดีต พระพุทธองค์ทรงอนุญาตจีวร 6 ชนิด ได้แก่ จีวรทำจากเปลือกไม้ ฝ้าย ไหม ขนสัตว์ ป่าน และของเจือกัน จีวรรีไซเคิลจึงสืบสานหลักการนี้ พร้อมผสมผสานนวัตกรรมที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจีวรแต่ละผืนยังคงคุณค่าตามพระธรรมวินัย เช่น หากสั่งตัดจีวรแบบทอมือโบราณที่เน้น 5 ขันธ์ จะมีราคา 1,500 บาท ส่วน 9 ขันธ์อยู่ที่ 2,000 บาท

 

 

 

 

ศูนย์เรียนรู้ ดูแลโลก สร้างชุมชนยั่งยืน

นอกจากการผลิตจีวรจากขวดพลาสติกรีไซเคิล วัดจากแดงยังจัดตั้งศูนย์รีไซเคิลวัดจากแดง ที่เป็นมากกว่าสถานที่จัดการขยะ เพราะที่นี่คือแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชนอย่างแท้จริง ด้วย 6 ฐานการเรียนรู้ที่ครอบคลุมตั้งแต่การคัดแยกขยะ การทำปุ๋ยหมัก การรีไซเคิลพลาสติกเป็นของใช้ต่าง ๆ ไปจนถึงการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ เช่น โฟมเป็นกระถางต้นไม้หรือทุ่นลอยน้ำ นอกจากนี้ วัดยังพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ระยะสั้น เช่น 1 วัน 3 วัน และ 5 วัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ฟังธรรม เรียนรู้กระบวนการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม

 

 

6 ฐานการเรียนรู้ของศูนย์รีไซเคิลวัดจากแดง

  1. ฐานคัดแยกขยะ
    เรียนรู้วิธีการแยกขยะอย่างถูกต้อง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ
  2. ฐานคัดแยกขยะเปียก
    แยกขยะประเภทเศษอาหารหรือของเน่าเสีย สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น การทำปุ๋ย
  3. ฐานคัดแยกขยะแห้ง
    จัดการขยะประเภทพลาสติก กระดาษ และวัสดุรีไซเคิล เพื่อนำไปแปรรูป
  4. ฐานทำปุ๋ย
    เรียนรู้การเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก ช่วยลดขยะและเพิ่มประโยชน์ทางการเกษตร
  5. ฐานรีไซเคิล
    แปรรูปพลาสติกและวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กระถางต้นไม้ เชิงเทียน หรือทุ่นลอยน้ำ
  6. ฐานทำน้ำยา
    สอนการทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากวัสดุธรรมชาติ ช่วยลดการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน

 

 

 

ทำบุญด้วยขยะ สร้างกุศลจากสิ่งเหลือใช้

พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร เจ้าอาวาสวัดจากแดง เปิดเผย วัดจากแดงเปิดโอกาสให้ทุกคนทำบุญผ่านการนำขยะรีไซเคิลมาบริจาค เช่น ขวดพลาสติก 1 กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่าขวดพลาสติกประมาณ 60 ใบ สามารถนำไปทอเป็นชุดจีวรได้หนึ่งชุด แทนที่จะขายขยะในราคากิโลละ 6 บาท หลายคนเลือกที่จะมอบให้วัดเพื่อสร้างบุญกุศล เพราะเชื่อว่าประโยชน์ที่ได้กลับคืนไปนั้นยิ่งใหญ่กว่าราคาเงิน

โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เช่น การถอดฝาขวดออกเพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นถ้วยหรือถาด การแกะฉลากออกเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง และการแยกประเภทขยะอื่น ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและประโยชน์สูงสุด การทำบุญเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดขยะ แต่ยังเป็นการปฏิบัติธรรมที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ร่วมบุญได้รับความสุข มนุษย์รัก เทวดารัก และวิมานบนสวรรค์รออยู่ โดยทางวัดยังเน้นย้ำว่า การเก็บขยะสมองหรือการขจัดความคิดที่เป็นมลพิษ ก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างบุญเช่นกัน

“ได้นำมาทำบุญก็ได้บุญมากขึ้น ถ้านำไปขายก็ได้ราคาเพิ่มขึ้น บุญจากการให้ เรียกว่า จิตอาสา ถ้าเราไม่มีวัตถุอะไรจะให้เรามีจิต ภาระกำลัง ร่างกายที่ช่วยเก็บขยะ ร่างกายที่ช่วยบอกต่อๆว่าโยมเก็บขยะแบบชาววัดเนี่ย 1.มนุษย์รัก 2.เทวดารัก 3.มีความสุข 4.ได้ปฏิบัติธรรม 5.วิมานบสวรรค์เกิดรอ ซึ่งตอนนี้ทางวัดอยากเก็บขยะสมองให้กับญาติโยม”  

 

 

ล้างขยะ(สมอง)ภายใน

พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร เจ้าอาวาสวัดจากแดง กล่าวเสริม “ขยะภายนอก ขยะภายใน มองเห็นด้วยตาปัญญา”

ทุกวันนี้ เราเห็นขยะภายนอกด้วยตาเนื้ออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขยะพลาสติก ขยะเศษอาหาร ขยะอินทรีย์ หรือขยะพิษที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว แต่ยังมีขยะอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนมองไม่เห็น นั่นคือ ‘ขยะสมอง’ ซึ่งเป็นขยะภายในที่อันตรายและเล่นงานเราทุกวัน เช่น ขี้โมโห (โทสะ) ขี้งก (โลภะ) ขี้หลงลืม (โมหะ) ขี้เหนียว (มัจฉริยะ) ขี้สงสัย (วิจิกิจฉา) ขี้อิจฉา (อิจฉา) และขี้เกียจ (อารสัชฌะ) ขยะเหล่านี้ทำให้จิตใจเรารกยิ่งกว่าขยะภายนอกเสียอีก

การกำจัดขยะภายในเริ่มต้นจากความเพียรและการพิจารณา เช่นเดียวกับการคัดแยกขยะภายนอก หากเรายอมเสียเวลาสัก 2 นาที คัดแยกขยะให้ถูกต้อง นำไปรีไซเคิล และใช้ประโยชน์ต่อได้ ความขี้เกียจในสมองก็จะลดลงไปพร้อมกัน ทางวัดจึงอยากเปิดดวงตาแห่งธรรมให้ญาติโยมได้มองเห็น ขยะที่ละเอียดกว่า ด้วยตาปัญญา ขยะภายนอกจะถูกเคลียร์ไปด้วยความตั้งใจ และขยะในใจก็จะถูกชำระไปพร้อมกัน สร้างความสงบทั้งกายและใจอย่างแท้จริง

 

ที่มาภาพ : วัดจากแดง และ pttgcgroup

แหล่งข้อมูล watchakdaeng.com