ปัจจุบัน เทคโนโลยี จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหมือนปัจจัยที่ 5 โดยในส่วนของบริการทางการแพทย์กรณีฉุกเฉิน เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเติมเต็ม โดยสามารถให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มการแพทย์ฉุกเฉิน iDEMS ทำให้แพทย์มองเห็นผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ให้คำแนะนำการปฐมพยาบาล เพื่อยื้อชีวิต ลดการพิการ ในผู้ป่วยฉุกเฉิน
ในยุคดิจิทัล ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกวงการ โดยในส่วนของการแพทย์และบริการสาธารณสุข เทคโนโลยีเข้ามาเสริมเต็มเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา เป็นเสมือนผู้ช่วยแพทย์ ทำให้การรักษาประสบความสำเร็จ ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว เป็นต้น
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดิจิทัล ยังเข้ามาช่วยให้เกิดความเท่าทัน ในการรักษาผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน ก่อนนำส่งโรงพยาบาล เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและพิการ
ล่าสุด สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มการแพทย์ฉุกเฉิน iDEMS ยกระดับระบบบริการสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉินนอกโรงพยาบาลด้วยดิจิทัล ที่มีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ หรือ SAVER ช่วยให้ทีมแพทย์เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้ทันทีที่มีการแจ้งเหตุ และผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล iDEMS
เพิ่มขีดความสามารถบริการการแพทย์
สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล iDEMS โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ครอบคลุม มีคุณภาพสูง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน และผู้ปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉินต่อไปได้ในวงกว้าง
มองเห็นผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ
ปฐมพยาบาลถูกต้องก่อนถึงมือแพทย์
ด้านเรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะยกระดับการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินของไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล เมื่อมีประชาชนขอความช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์ เบอร์ 1669 ผู้ปฏิบัติการในศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการสามารถทราบเบอร์โทร และตำแหน่งของผู้แจ้งเหตุ และตอบสนองได้ทันที อีกทั้งสามารถมองเห็นผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุผ่านการโทร VDO call เพื่อให้คำแนะนำการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องก่อนรถพยาบาลไปถึง ส่งผลให้สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินได้
ภารกิจนวัตกรรมการแพทย์
เกิดประโยชน์ต่อสังคมที่สุด
ด้าน ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานกรรมการ บริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด กล่าวถึงภารกิจที่สำคัญของศิริราชวิทยวิจัย คือ ทำให้นวัตกรรมในศิริราชเกิดประโยชน์กับสังคมให้มากที่สุด ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของสถาบันการศึกษา นอกเหนือจากเรื่องการเรียนการสอน การสร้างบุคลากรจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ การทำความร่วมมือกับ สพฉ. นี้ จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนำจุดแข็งของแต่ละองค์กรมาสร้างประโยชน์กับระบบการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินในประเทศต่อไป
วิสาหกิจศิริราช
ตั้งเป้าดำเนินการเพื่อสังคม
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด กล่าวว่า บริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด หรือ ศิวิทย์ เป็นวิสาหกิจศิริราช ที่กำเนิดจากศิริราชมูลนิธิ มีเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อสังคม การทำความร่วมมือนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาระบบสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉินนอกโรงพยาบาล SAVER: Smart Approach Vital Emergency Responses ซึ่งเป็นแหล่งเก็บรักษาข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อการวิจัย และเพิ่มศักยภาพบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
นำเทคโนโลยี ช่วยเหลือผู้ป่วย
ก่อนถึงโรงพยาบาล
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวถึง ภารกิจของ สวทช. ในการร่วมพัฒนา iDEMS ให้สามารถลดความซ้ำซ้อนในนำเข้าข้อมูล และติดตามการปฏิบัติงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาลได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ผ่านระบบโทรศัพท์ Total Conversation ที่สามารถแจ้งเหตุได้ทั้งเสียง ข้อความ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี AI ช่วยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยระบบ Emergency Telemedical Direction สำหรับผู้ป่วยในรถพยาบาล รองรับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัลของรัฐบาลได้
หวังบูรณาการทางการแพทย์
ลดการเสียชีวิต พิการ จากเหตุฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ความร่วมมือกันระหว่าง สพฉ. ศิริราชวิทยวิจัย และ สวทช. ที่จะร่วมกันจัดทำ ติดตามและประเมินผลการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล iDEMS อย่างต่อเนื่องภายใต้ความร่วมมือนี้ จะทำให้เกิดการบูรณาการการพัฒนาระบบสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการจากเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ในระยะยาว และตอบสนองความต้องการของประชาชนไทยได้ในอนาคต