‘จระเข้’ ยกระดับมาตรฐานสีทาอาคารปลอดภัยต่อทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม

‘จระเข้’ ยกระดับมาตรฐานสีทาอาคารปลอดภัยต่อทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม

‘จระเข้’ ยกระดับมาตรฐานสีทาอาคารปลอดภัยต่อทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดแฟลกชิปสโตร์จำลองด้วยเทคโนโลยี ปั้นเป็น คอมมูนิตี้คนรักบ้าน ที่เป็นมากกว่าแหล่งขายของ

 

 

อุตสาหกรรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนหลายปัจจัย อาทิ การท่องเที่ยว การรีโนเวตบ้านและอาคาร และโครงการลงทุนของภาครัฐ ฯลฯ 

โดยข้อมูลจากองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ IEA (International Energy Agency) และ Architecture 2030 เผยว่าอุตสาหกรรมก่อสร้าง ผลิตก๊าซเรือนกระจกในแต่ละปีกว่า 27% ของทั้งโลก เกิดขึ้นจากวัตถุดิบที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นหิน เหล็ก ปูน มีการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ตลอดจนกระบวนการขนส่ง 

ไม่เพียงเท่านั้นกระบวนการก่อสร้างยังส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากฝุ่นและสารแฝงต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือสีทาอาคาร ที่มักพบปัญหาเรื่องกลิ่นและสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ซึ่งหากได้รับสารพิษนี้เป็นประจำอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ 

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยค้นพบว่าสาร VOCs สามารถฟุ้งกระจายอยู่ในอาคารไปตามพื้นผิวต่าง ๆ อาจปนเปื้อนในอาหาร ทำให้ผู้คนที่อาศัยในอาคาร เด็ก หรือสัตว์เลี้ยงอาจเผลอทาน หรือสูดดมโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ไม่มองเพียง ‘ความสวยงาม’ แต่ต้องดูให้ลึกถึงสัญลักษณ์ ‘ความปลอดภัย’

นายวรชาติ โชครัศมีดาว ผู้จัดการฝ่ายบริหารการตลาดผลิตภัณฑ์สีจระเข้  บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมของเทรนด์สีทาอาคารปัจจุบัน เน้นโทนสีหลากหลาย ทั้งลวดลาย ความเงาด้าน และฐานลูกค้ารักษ์โลกที่เติบโตขึ้น ซึ่งไม่มองแค่สีสวยถูกใจ ยังมีความใส่ใจและตระหนักถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับค่ามาตรฐานต่าง ๆ โดยลูกค้าจะสังเกตถึงสัญลักษณ์ที่รับรองเรื่องความปลอดภัยต่อสุขภาพ ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถดูได้จาก

  1. ฉลาก “Non-VOCs” สีที่ปราศจากสารอินทรีย์ระเหยง่าย
  2. ฉลาก “Non-formaldehyde” กลิ่นฉุนรบกวน สามารถเข้าอยู่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
  3. ฉลาก “Green Label” หรือ ” ฉลากเขียว” ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อ

สุขภาพ

ทั้งนี้สีจระเข้ เป็นรายแรกที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากไลม์สโตน หรือหินปูนธรรมชาติคุณภาพสูง มีความขาวพิเศษ มีคุณสมบัติช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยกระบวนการผลิตที่ก่อเกิดขยะน้อยที่สุด และได้รับ Eurofins มาตรฐานระดับ A+ รับรองความปลอดภัยสูงสุดจากการระเหยของสารพิษ และ Sensitive Choice โดยสถาบันโรคหอบหืด ประเทศออสเตรเลีย 

โดยสีทาบ้านนั้น แตกต่างจากสีทาอาคาร ซึ่งเน้นความ แข็งแรงทนทาน และมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากสีทาบ้านที่สามารถป้องกันการกัดกร่อนจากสารต่างๆ ได้ เช่น เกลือ รังสี UV สารกัดกร่อนจากงานอุตสาหกรรม กลุ่มลูกค้าที่ใช้งานสีจระเข้จึงมีหลายระดับตั้งแต่ สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย จนถึงสำนักงาน คอนโดมิเนียม 

เปิด SEE JORAKAY Flagship Store คอมมูนิตี้ คนรักบ้าน

พัฒน์ทวี ทันประเสริฐ ผู้จัดการส่วนบริหารการตลาดผลิตภัณฑ์สีจระเข้  บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยถึงการเปิด SEE JORAKAY Flagship Store  พื้นที่จัดแสดงสินค้า โดยหวังให้เป็นมากกว่าร้านค้า แต่อยากรวมคอมมูนิตี้ co-working space เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจให้คนรักบ้านและดีไซน์เนอร์ ได้มาสัมผัสงานจริง รวมทั้งได้ไอเดียใหม่ ๆ กลับไป ภายใต้คอนเซปต์ ‘สตูดิโอสีสันแห่งแรงบันดาลใจไม่รู้จบ’ (The Color Studio of Boundless Inspiration) จัดโซนไฮไลต์ที่ลูกค้าสามารถเลือกนำสีและสร้างลวดลายมาจำลองได้สมจริง

“ลวดลายที่น่าใช้ต้องมาจากไอเดียที่หลากหลาย ซึ่งมีจากผลงาน 137 ลวดลายของนิสิต นักศึกษา ที่มาร่วมสร้างสรรค์ในโครงการประกวดงานดีไซน์สีจะเข้ จะถูกนำไปจัดแสดงผลงานแบบจำลอง ในงานบ้านและสวนแฟร์ปลายปีนี้อีกด้วย”

 

ย้ำสีทาอาคารยุคนี้ สีสันถูกใจ แต่ไม่ทำลายโลก

อย่างไรก็ตาม พัฒน์ทวี กล่าวว่า สีทาอาคารต้องปราศจากสารก่ออันตราย มีสีสันถูกใจ และกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายโลกไปมากกว่านี้  ในวันนี้สีจระเข้จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เจาะตลาดสีเมืองไทยมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ ความปลอดภัย และให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดสีจะเติบโตขึ้น 3-5% ตามฐานการเติบโตของลูกค้า

โดยผลิตภัณฑ์ในบริษัทต้องสอดคล้องกับชื่อ จระเข้ ที่เป็นตัวแทนของความแข็งแรง คงทน เหนียวแน่น มีทักษะการเอาต่อรอด แข็งแรงว่องไวอยู่มาได้อย่างยืนยาวและมีความใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ