เผยเสพกัญชา เสี่ยงเป็นโรคจิตเวช

เผยเสพกัญชา เสี่ยงเป็นโรคจิตเวช

สธ.สวนกระแส เผยผลการศึกษาผู้ป่วยเสพติดกัญชา ใน 6 สถานบำบัด ทั่วประเทศ เป็นโรคจิตเวชถึงร้อยละ 72.3

นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าในทางการแพทย์ยอมรับว่า THC ซึ่งเป็นสารสำคัญในกัญชา เป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการอยากยา ถอนยาและเสพติด มีรายงานพบว่าผู้เสพติดกัญชาเมื่อหยุดใช้จะเกิดอาการถอนยา เช่น อาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย

ทั้งนี้ยังมีการศึกษาถึงความเสี่ยงของการเสพกัญชากับโรคจิตเภท ซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการทางจิต โดยเฉพาะในรายที่มีกรรมพันธุ์ที่จะเป็นโรคจิต หรือเคยมีอาการทางจิตมาก่อน เมื่อใช้กัญชาจะทำให้เกิดอาการทางจิตได้มากขึ้น

ดังนั้น การนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์จึงต้องพิจารณาทั้งในด้านความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับซึ่งการนำกัญชามาใช้กับผู้ป่วยควรได้ประโยชน์หากมีความเสี่ยงต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า สถาบันฯ ได้ทำการศึกษาการเกิดโรคทางจิตเวชในผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเป็นยาเสพติดหลักที่เข้ารับการบำบัดรักษาในสถานบำบัดรักษายาเสพติดของรัฐ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สบยช. โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี จำนวน 1,170 ราย โดยเก็บรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง 7 ปี (ปีงบประมาณ 2553-2559 ) พบว่า ผู้ป่วยเสพติดกัญชาส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 22 ปี โสด ไม่ประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่ใช้กัญชาแห้งด้วยวิธีการสูบ

ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยเสพติดกัญชามีการเกิดโรคจิตเวชสูงถึงร้อยละ 72.3 รองลงมาคือ โรคจิต อารมณ์แปรปรวน และวิตกกังวล ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามแนวคิดการใช้กัญชาทางการแพทย์ หรือใช้เพื่อเป็นยา ควรเป็นไปตามหลักฐานยืนยันทางวิชาการที่ชัดเจนมีคุณภาพและเชื่อถือได้ โทษและผลกระทบของการใช้ในทางที่ผิด ควรมีระบบและแนวทางการกำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของผู้ป่วยและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ชีวิตพลิก! แม่พาลูกรักษาลูคีเมีย รพ.ดัง กลับได้รับเชื้อ HIV เพิ่ม สูญค่ารักษา 7 ล้าน สูญเปล่า