แจ้งเตือนน้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น 31 องศา ทำปะการังชายฝั่งทะเลอันดามัน บริเวณ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ตเกิดปรากฎการณ์ฟอกขาวแล้ว 50%
นายธรณ์ ธำรงนานาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” ระบุว่า น้ำร้อนแล้วครับ เริ่มมีรายงาน #ปะการังฟอกขาว เข้ามาบ้างแล้ว ในภาพ มาจากอุทยานสิรินาถ ภูเก็ต โดยศูนย์วิจัยของกรมอุทยาน จัดทำพื้นที่ติดตามถาวรไว้ ตอนนี้มีรายงานว่าในพื้นที่มีปะการังฟอกขาวแบบเห็นชัดแล้ว 50% อุณหภูมิน้ำ 31 องศา ผมจึงขอเล่าเรื่องปะการังฟอกขาวให้เพื่อนธรณ์ฟัง

ปะการังฟอกขาวเกิดจากภาวะผิดปรกติ เมื่ออุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นมาก ปรกติน้ำทะเล 27-29 องศา แต่เมื่อน้ำร้อนถึง 31 องศาขึ้นไป เริ่มเข้าสู่ช่วงเสี่ยงครับตอนนี้น้ำทะเล 31-32 องศาในบางพื้นที่ ถือว่าเข้าภาวะเสี่ยงแล้ว ปะการังจะปล่อยสาหร่ายเซลล์เดียวที่อยู่ในเนื้อเยื่อออกไป ทำให้สีของปะการังซีดลง หากเป็นมากอาจกลายเป็นสีขาว คือสีของหินปูนที่เป็นโครงสร้างปะการัง ปะการังฟอกขาวจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ
อุณหภูมิน้ำสูงแค่ไหน ? ร้อนนานแค่ไหน ? และมีแสงแดดมากหรือแรงแค่ไหน ? หากรุนแรงหรือยาวนาน 3-5 สัปดาห์ ปะการังอาจตาย และกลายเป็นเศษหักพังก่อนย่อยสลายไป นอกจากนี้ ยังขึ้นกับสายพันธุ์ของปะการัง บางสายพันธุ์อาจทนได้ดี หรือมีการฟื้นตัวที่ดีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้น ทำให้ปะการังฟอกขาวเริ่มเกิดถี่ขึ้น

นักวิทยาศาสตร์หลายชาติทำนายว่า จะเกิดถี่ในระดับ 6 ปีครั้ง อย่างไรก็ตาม อาจเกิดเร็วกว่านั้น เช่น ออสเตรเลียโดนถึง 2 ครั้งติดกัน (major oceanic heat wave ในปี 58 และ minor ในปีถัดมา) เมื่อปะการังตาย จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการใช้ประโยชน์ เช่น การท่องเที่ยว การประมง
ในปี 58 เกิดปะการังฟอกขาวรุนแรงในบางพื้นที่ของไทย เคราะห์ดีที่มีฝนตกติดต่อกันในช่วงปลาย ทำให้อุณหภูมิน้ำลดลง และทำให้แสงแดดมีน้อยลงมาก ปะการังในหลายพื้นที่ยังมีการฟื้นตัวที่ดีมาก เช่น หมู่เกาะพีพี ทำให้ปะการังตายมีจำนวนน้อยมาก ในหลายพื้นที่ เช่น ออสเตรเลีย มัลดีฟส์ ปะการังไม่ได้มีการฟื้นตัวเหมือนไทย ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง
ข้อมูลล่าสุดพบว่า ปะการังฟอกขาวในปี 58 ทำให้ปะการังในเกรทแบริเออร์รีฟตายถึง 30% โดยเฉพาะในตอนบน (ตั้งแต่ port douglas ขึ้นไป มีไซต์งานในอดีตที่ผมทำเคยทำ 3 แห่ง) หลังจากนั้น ยังมีการฟอกขาวซ้ำในปีถัดมา ทำให้เกิดปะการังตายในอีกบางพื้นที่แม้ในปัจจุบัน หลายแห่งก็ยังไม่ฟื้นตัว หรือฟื้นตัวน้อย พื้นที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด น่าจะคล้ายคลึงกับพื้นที่เคยเกิด เช่น รอบเกาะภูเก็ต พีพี ตรัง หมู่เกาะสุรินทร์ (ในอดีตเคยเกิดครั้งใหญ่จนปะการังตายจำนวนมาก เพิ่งจะเริ่มฟื้น)
นอกจากนี้ ตามอ่าวต่างๆ ที่น้ำตื้น น้ำไหลเวียนไม่ค่อยดี เช่น อ่าวมาหยา ในช่วงเวลาน้ำตาย (พระจันทร์ครึ่งดวง) อาจทำให้น้ำร้อนแช่นาน ต้องติดตามปะการังที่ไปฟื้นฟูกันไว้ ข้อมูลกระแสน้ำที่ม.เกษตรศาสตร์ทำไว้ในอ่าวมาหยา ชี้ให้เห็นว่า น้ำในช่วงนั้นจะแช่นานหน่อยครับ โดยสรุปแล้ว ที่น่าเป็นห่วงคือปีนี้เกิดเร็วหน่อย แค่เข้าต้นเดือนพฤษภาคมก็เริ่มฟอกบางจุดแล้ว
ปีที่ผ่านมา ปะการังเริ่มฟอกขาวปลายเดือนพฤษภาคม เรามีฝนเข้ามาช่วย ทำให้แดดน้อยลง คลื่นพัดไปมา ช่วยให้น้ำไหลเวียนดีฝนยังช่วยทำให้อุณหภูมิน้ำต่ำลงอย่างรวดเร็ว แต่ปีนี้มาเร็ว แม้ฝนอาจเริ่มเข้าภาคใต้บ้าง แต่อาจไม่ต่อเนื่อง ต้องคอยช่วยกันลุ้น ตอนนี้ที่จำเป็นคือติดตามเพื่อให้เราเรียนรู้และเข้าใจ และหาทางป้องกันไว้หากเกิดความรุนแรงมากขึ้น
การป้องกันหรือดูแล ทำได้หลายวิธี เช่น ในปี 58 ทั้งกรมทะเลและกรมอุทยานมีประกาศออกมาหลายเรื่อง เพื่อลดการใช้ประโยชน์ในแนวปะการังให้น้อยลง วันนี้คุยกับท่านรัฐมนตรี/ท่านอธิบดีกรมทะเลฯ ทั้งสองท่านพร้อมออกมาตรการอย่างทันเหตุการณ์ ขอเพียงให้นักวิชาการประเมินว่า สมควรดำเนินการอย่างไรบ้าง
สุดท้ายคือต้นเหตุ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนและก๊าซเรือนกระจก เราคงต้องช่วยกันตรงนี้ รวมถึงช่วยกันในเรื่องขยะทะเล เนื่องจากมีการศึกษาพบว่า เมื่อพลาสติกแตกตัวกลายเป็นอนุภาคเล็กแล้วไปติดปะการัง จะทำให้ปะการังเป็นโรคง่ายขึ้น โดยเฉพาะปะการังในภาวะอ่อนแอ เช่น ปะการังกำลังฟอกขาว
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
แห่แชร์คลิป หนุ่มไทย หาเรื่องคนขับรถเมล์ในฮ่องกง
