ผลสำรวจชี้! คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น นานสุด 80 นาที/วัน

ผลสำรวจชี้! คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น นานสุด 80 นาที/วัน

สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผย คนไทยอ่านหนังสือนานสุด 80 นาทีต่อวัน จากเดิม 66 นาที กรุงเทพมหานคร แชมป์อ่านมากที่สุด เด็กต่ำกว่า 6 ปี อ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 3 เท่า

ศูนย์ฯ สิริกิตติ์ – สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือทีเคปาร์ก ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ แถลงข่าว “ผลสำรวจการอ่านของประชากร ประจำปี 2561” น.ส.วันเพ็ญ พูลวงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า ภาพรวมการอ่านของคนไทยในปี 2561 พบว่าคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป อ่านร้อยละ 78.8 หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 49.7 ล้านคน โดยในกรุงเทพมหานคร มีคนอ่านมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 92.9 ภาคกลางร้อยละ 80.4 ภาคเหนือและภาคอีสานร้อยละ 75 และภาคใต้ 74.3

จัดอันดับ 10 จังหวัดที่มีจำนวนคนอ่านหนังสือมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 92.9% สมุทรปราการ 92.7% ภูเก็ต 91.3% ขอนแก่น 90.5% สระบุรี 90.1% อุบลราชธานี 88.8% แพร่ 87.6% ตรัง 87.2% นนทบุรี 86.6% และปทุมธานี 86.2%

ขณะที่เวลาในการอ่านสูงขึ้น พบว่าคนไทยอ่านหนังสือนานสุด 80 นาทีต่อวัน เทียบจากปี 2558 อ่าน 66 นาทีต่อวัน และปี 2556 อ่าน 37 นาทีต่อวัน

นายกิตติรัตน์ ปิติพานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า สถิติการอ่านของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับปีนี้ไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้การอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาท ทำให้ห้องสมุด ร้านหนังสือ หรือส่วนงานที่เกี่ยวข้องย่อมต้องปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง

“ในช่วงเวลา 3 ปีนี้เห็นได้ชัดถึงความนิยมการอ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ร้อยละ 75.4 ซึ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราการลดลงของการอ่านหนังสือเล่มกลับไม่สูงเท่าไรนัก เพราะจากการสำรวจยังคงมีคนอ่านหนังสือเล่มอยู่ถึงร้อยละ 88 ซึ่งชี้ให้เห็นว่า หนังสือเล่มยังไม่ตาย ดังนั้นแนวทางการส่งเสริมการอ่านในอนาคตจึงสามารถรณรงค์ควบคู่กันไปได้ทั้งสองทาง” นายกิตติรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ยังพบว่า มีกลุ่มที่ไม่อ่านถึงร้อยละ 21.2 คิดเป็นจำนวน 13.7 ล้านคน ซึ่งเหตุผลของการไม่อ่าน ได้แก่ ดูทีวี ไม่มีเวลา อ่านไม่ออก ไม่ชอบ ไม่สนใจ ชอบเล่นเกม และไม่มีเงินซื้อหนังสือ

โดยเหตุผลของประชากรไทยที่ไม่อ่านถึงเกือบ 14 ล้านคน ส่วนที่บอกไม่ชอบและไม่สนใจอ่านมีมากถึง 25.2 คิดเป็นจำนวนประชากรถึง 3,450,000 คน ขณะที่เด็กอายุ 6-14 ปี มีแนวโน้มการอ่านเพิ่มขึ้น ส่วนอายุ 15-24 ปี กลับพบว่าไม่ชอบอ่านหนังสือถึงร้อยละ 34.9 ขณะที่วัยผู้ใหญ่ 25-50 ปี ที่ไม่ชอบอ่านหนังสือถึงร้อยละ 32.8

จากตัวเลขชี้ให้เห็นว่าการปลูกฝังเรื่องรักการอ่านของคนไทยยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านส่งเสริมการอ่าน ต้องกลับไปแก้โจทย์และหาแนวทางในการรณรงค์ส่งเสริมการอ่านต่อไป

นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า สิ่งไม่ควรมองข้ามคือความเข้าใจของผู้ปกครองในเรื่องการอ่านหนังสือของเด็กเล็ก ที่ผลสำรวจระบุว่า พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 63.8 ยังขาดความเข้าใจในจุดนี้ ด้วยเหตุผลว่าเด็กยังมีอายุน้อยเกินไป ทำให้เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้รับการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ซึ่งมีจำนวนราว 1.1 ล้านคน

ทั้งนี้ การอ่านของเด็กเล็กจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของพ่อแม่ผู้ปกครอง เช่น การเล่านิทานให้ลูกฟังเป็นประจำ โดยการอ่านหนังสือให้เด็กฟังนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือแม้กระทั่งทารกยังอยู่ในครรภ์ ซึ่งมีผลวิจัยระบุว่าจะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองสูงกว่าเด็กทั่วไป และมีนิสัยรักการอ่านเมื่อโตขึ้น

ขณะที่ผลสำรวจ ปี 2561 พบว่าการอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียวในเด็กวัยต่ำกว่า 6 ปี มีจำนวนร้อยละ 5.4 เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยทีมแพทย์ระบุว่า การเสพสื่อผ่านจออิเล็กทรอนิกส์มีผลกระทบกับพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งไม่ควรใช้กับเด็กเล็กแรกเกิดจนถึง 1 ขวบครึ่ง

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“พี่ติ๊ก” ลาจอ “เนวิเกเตอร์” เทปสุดท้าย 8 เม.ย.นี้