เผย ป.ตรี ตกงานสูงสุด/กม.ใหม่ชดเชยถูกเลิกจ้าง 400 วัน จ่อบังคับใช้ เม.ย.นี้

เผย ป.ตรี ตกงานสูงสุด/กม.ใหม่ชดเชยถูกเลิกจ้าง 400 วัน จ่อบังคับใช้ เม.ย.นี้

กระทรวงแรงงาน เร่งแก้กฎหมาย เพิ่มสิทธิลูกจ้าง ทำงาน 20 ปี รับค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง 400 วัน คาดบังคับใช้ เม.ย.นี้ สำนักงานสถิติเผยข้อมูล ม.ค.2562 คนตกงานลดลง ป.ตรี ตกงานสูงสุด

นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้ให้ข้อมูลถึงสิทธิลูกจ้าง กรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด ไม่ว่าจะเกิดจากการปรับลดพนักงานเพื่อปรับโครงสร้างบริษัท หรือบริษัทปิดกิจการเพราะไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้

โดยระบุว่าลูกจ้างก็มีสิทธิที่จะได้รับ “ค่าชดเชยถูกเลิกจ้าง” ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ไว้ในมาตรา 118 ดังนี้

กรณีลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จะได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราจ้างสุดท้ายเป็นเวลา 30 วัน หรือเท่ากับได้ค่าชดเชย 1 เดือน

ถ้าทำงาน 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3 ปี จะได้รับค่าชดเชย 90 วัน หรือ 3 เดือน

ถ้าทำงาน 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 6 ปี จะได้รับค่าชดเชย 180 วัน หรือ 6 เดือน

ถ้าทำงานตั้งแต่ 6 ปีขึนไป แต่ไม่ถึง 10 ปี จะได้ค่าชดเชย 240 วัน หรือ 8 เดือน

ถ้าทำงานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้ค่าชดเชย 300 วัน หรือ 10 เดือน

โดยกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญิติคุ้มครองแรงงาน เรื่องค่าชดเชย โดยเพิ่มให้อีกสเต็ปหนึ่ง คือหากทำงานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จะได้ค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง เป็นเวลา 400 วัน หรือประมาณ 13 เดือนกว่า ซึ่งขณะนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แล้ว

อยู่ระหว่างรอลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ เพื่อประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา 30 วัน

นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ให้ข้อมูลด้วยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานในกิจการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากฐานข้อมูลของกระทรวงแรงงานพบว่าปัจจุบันอัตราคนว่างงานของไทยอยุ่ที่ประมาณ 0.6% โดยกิจการที่เลิกจ้างส่วนใหญ่คือธุรกิจสื่อและประชาสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติกลับพบว่า อัตราการว่างงานในเดือน ม.ค.2562 นั้นลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือน ม.ค. 2561 มีอัตราการว่างงาน จำนวน 4.75 แสนคน ในขณะที่เดือน ม.ค. 2562 มีอัตราการว่างาน 3.9 แสนคน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 8.5 หมื่นคน

ส่วนอัตราการว่างงานเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 0.1% ของประชากรวัยแรงงาน โดยผู้มีกลุ่มที่ประสบปัญหาการว่างงานมากที่สุดคือกลุ่มที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รองลงมาคืออนุปริญญา และผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งผู้ว่างงานส่วนใหญ่มาจากภาคการบริการ การค้า ภาคการผลิต และภาคเกษตรกรรม

ขอบคุณข้อมูลข่าว : mgronline

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ครูภาคเหนือค้านเปลี่ยนชื่อ “ผู้อำนวยการ” เป็น “ครูใหญ่”