นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าว เรื่องมาตรการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ของกระทรวงคมนาคม โดยมานายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และตัวแทนสมาพันธ์รถโดยสาร และรถบรรทุกร่วมแถลงข่าว
โดยระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองPM2.5 ตามมาตรการ “One Transport ปลอดฝุ่น PM2.5” จำนวน 25 มาตรการ โดยในการดำเนินการในระยะเร่งด่วนนั้นได้ขอความร่วมมือให้สมาพันธ์รถโดยสาร และรถบรรทุกกำชับผู้ประกอบการในเรื่องของการปล่อยมลภาวะของรถ ทั้งนี้ การจะขอความร่วมมือว่าการตรวจสภาพรถนั้น สามารถดำเนินการได้ก่อนที่จะครบรอบตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เพื่อเป็นการช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้มีมาตรการเข้มงวดเรื่องการตรวจสภาพรถโดยสาร รถบรรทุก และจะดำเนินการตรวจอย่างเนื่องต่อไป ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างมีการปรับเกณฑ์มาตรฐานเรื่องการปล่อยมลภาวะให้สูงขึ้น เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยถือว่ายังมีเกณฑ์ที่ต่ำกว่าหลายประเทศ ที่ได้มีการปรับไปหมดแล้ว ซึ่งประเทศไทยยังที่เกณฑ์ 50 ซึ่งในส่วนของตัวแทนสมาพันธ์รถโดยสาร และรถบรรทุก ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อเป็นการลดปัญหาดังกล่าว
สำหรับภาพรวมที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการ ประกอบด้วย
การตั้งจุดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสาร รวม 31 จุด ใน 15 จังหวัด บน 13 เส้นทาง รวมทั้งบนมอเตอร์เวย์ขาเข้า ที่ด่านลาดกระบัง รวมยอดสะสมในระหว่างวันที่ 1-6 กุมภาพันธ์ 2562 โดยตรวจรถจำนวน 8,002 คัน พบรถควันดำ 264คัน และออกหนังสือเตือน จำนวน 240 คัน ซึ่งโทษสูงสุดหากตรวจพบคือห้ามใช้
จัดเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสภาพรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รวม 2,075 คัน พบรถโดยสารควันดำ 23 คัน ซึ่งพบเกินเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ30 ทั้งนี้ สั่งให้มีการปรับสภาพให้รถมีควันดำไม่เกินร้อยละ 30
ประสานขอความร่วมมือถึงผู้ประกอบการขนส่งให้นำรถบรรทุกและรถโดยสารเข้ารับการตรวจสภาพก่อนวันสิ้นอายุ
จัดเจ้าหน้าที่ลงสุ่มตรวจการดำเนินการของสถานตรวจสภาพเอกชน (ตรอ.) ทั่วประเทศ รวม1,142 แห่ง พบข้อบกพร่อง 28 แห่ง โดยตักเตือน 19 แห่งและระงับการดำเนินการ 9 แห่ง
ตั้งจุดตรวจควันดำรถบรรทุก ที่สถานีขนส่งสินค้าชานเมืองทั้ง 3 แห่ง ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยทำการตรวจทั้งสิ้น 501 คัน พบรถบรรทุกควันดำ 2 คัน
จัดเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจควันดำบรรทุก ที่ท่าเรือคลองเตยและท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจรถทั้งสิ้น 459 คัน พบรถบรรทุกควันดำ 5 คัน ออกหนังสือเตือน จำนวน 6 คัน
จัดเจ้าหน้าที่ชุดตรวจการณ์ออกตรวจเรือโดยสารพื้นที่ กทม. พบเรือที่มีควันดำเกินมาตรฐานรวม 8 ลำ ปรับปรุงแล้ว 3 ลำ
นอกจากนี้ กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ติดตั้งระบบ(High Pressure Water System ปล่อยละอองน้ำเพื่อดักจับละอองฝุ่น PM 2.5 ประกอบด้วย
กรมทางหลวงจำนวน 3 แห่ง ถ.วิภาวดี-รังสิต /ด่านทับช่าง 1 (มุ่งหน้าบางพลี) /ด่านทับช้าง 2 (มุ่งหน้าบางปะอิน)
กรมทางหลวงชนบท จำนวน 2 แห่ง บริเวณสะพานภูมิพล /บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน 3 แห่ง ด่านบางขุนเทียน 2 (ทางออก2 และ ทางออก 3) / ด่านบางขุนเทียน 1 (ถ.พระราม 2) / ด้านข้างด่านบางขุนเทียน 1 (ดาวคะนอง-บางแค)
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว/โครงการรถไฟฟ้าสายส้ม
ทั้งนี้ ในส่วนของทางอากาศ ได้จัดตั้งจุดตรวจค่าควันดำและดำเนินการสุ่มตรวจควันดำภายในเขตการบิน (Air Side) และกำชับผู้รับเหมาก่อสร้างภายในท่าอากาศยาน ให้ทำความสะอาดและรดน้ำในเขตก่อสร้าง
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวภายหลังการติดตั้ง ระบบ(High Pressure Water System ปล่อยละอองน้ำเพื่อดักจับละอองฝุ่น PM 2.5 จำนวน 3 แห่ง ระบุว่า ค่าฝุ่นละอองลดลงอยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่ตรวจพบ 70 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่บริเวณด่านทับช้าง 2 นั้น ยังคงมีค่าระดับคงที่
“ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันว่าเป็นอย่าง แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นไปในทิศทางที่จะช่วยบรรเทาได้ นอกจากนื้ กรมทางหลวง ยังอยู่ระหว่างที่ติดตั้งระบบเพิ่มเติม 2 จุด ช่วงต่างระดับบางขุนเทียน ซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดต้องเร่งดำเนินการ” อธิบดีกรมทางหลวง กล่าว
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ