ยอดขายไอโฟนในประเทศจีนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว หลังผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับยอดจำหน่ายมือถือไอโฟนของ “ซูหนิง” หรือ Suning ในฐานะยักษ์ใหญ่ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศจีน มีสัดส่วนยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้นถึง 83% ในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งผลพวงของยอดขายที่ดีขึ้นนั้นมาจากที่แอปเปิล ยอมลดราคาขายไอโฟนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีการระบุว่าไอโฟน รุ่น XR เป็นสมาร์ทโฟนที่แอปเปิลยอมลดราคามากที่สุดในประเทศจีน โดยแต่เดิมตั้งราคาเอาไว้ที่ 6,499 หยวน หรือราว 32,500 บาท แต่ปรับราคาลงมาหลือ 6,099 หยวน หรือราว 30,500 บาท ทำให้ลดราคาหายไปถึง 2,000 บาท และผลดังกล่าวทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีน หันมาสนใจไอโฟนมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยอดขายตกลงอย่างมากจากประเด็นเรื่องชาตินิยมที่ถูกจุดกระแสขึ้นมา ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่เป็นเมืองแม่ของไอไฟ กับจีนที่งัดข้อกันด้านภาษีและมีการกีดกันการส่งออกและนำเข้าสินค้า รวมไปถึงการจับกุมลูกสาวเจ้าของหัวเว่ยที่สหรัฐฯ ถูกระบุว่าอยู่เบื้องหลัง ผลที่ว่าทำให้ยอดขายไอโฟนได้รับผลกระทบไปด้วย
ขณะที่ นายคาร์ล สมิท อดีตผู้บริหารการขายประจำภูมิภาคเอเชียของแอปเปิล ออกมาวิเคราะห์ผ่านสื่อต่างประเทศว่า แอปเปิลถือว่าขยับปรับตัวได้ช้าเพื่อจะเข้ากับตลาดจีน และเป็นช่องให้คู่แข่งสมาร์ทโฟนจากจีน และกลุ่มประเทศอื่นๆ ช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นโยบายลดราคาสินค้าของแอปเปิล เกิดจากแนวคิดของนายทิม คุก ประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลที่ยอมรับว่ายอดขายบริษัทตกลงอย่างหนักจากผลพวงของสงครามการค้า และสื่อหลายสำนักของต่างประเทศรายงานอีกว่า การลดราคาของแอปเปิลนั่น เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ยอดขายที่ตกต่ำลงอย่างมากในปี 2561 ซึ่งในตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่ของแอปเปิลมาโดยตลอด ลดลงมากกว่า 27% ซึ่งรวมถึงฮ่องกง และไต้หวันด้วย ยิ่งหากเทียบกับยอดขายในภูมิภาคยุโรปที่ลดลงประมาณ 3% จะทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเหตุใดแอปเปิลถึงต้องลดราคาและพุ่งเป้ามาที่ตลาดจีนโดยเฉพาะ