ควันหลงมีตติ้งพรรคร่วม! ดร.ธรณ์ ชี้ ซดหูฉลาม ย้อนแย้งนโยบายอนุรักษ์ธรรมชาติ

ควันหลงมีตติ้งพรรคร่วม! ดร.ธรณ์ ชี้ ซดหูฉลาม ย้อนแย้งนโยบายอนุรักษ์ธรรมชาติ

ดร.ธรณ์ ติง มีตติ้งพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯ และ รมต.กระทรวงทรัพยากรฯ ร่วมโต๊ะจีนเสิร์ฟ “หูฉลาม” ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม แชร์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” กล่าวถึงกรณีการรับประทานอาหารมื้อค่ำของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานข่าวระบุว่ามีการเสิร์ฟเมนู “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน”

 

โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว ว่าถือเป็นความผิดพลาดและไม่รอบคอบของฝ่ายจัดการ ซึ่งประเด็นนี้มีความอ่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบกับตัวรัฐบาลชุดนี้เอง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นหนึ่งนโยบายที่ให้ความสำคัญ

โดยโพสต์ดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้

“วันนี้คือวันสิ่งแวดล้อมไทย (4 ธันวาคม) แต่มีข่าวเรื่องโต๊ะจีนหูฉลาม

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าเป็นความไม่รอบคอบของฝ่ายปฏิบัติที่จัดเมนูเสิร์ฟหูฉลามในงานของพรรคร่วมรัฐบาล ในยุคที่คนไทยกำลังเลิกกินสัตว์หายากเหล่านี้

เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างมาก จนกลายเป็นการพาดหัวข่าว สร้างความเศร้าให้คนรักธรรมชาติ

อันดับแรก ท่านที่ร่วมงาน ล้วนเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นผู้ร่วมคณะรัฐบาลที่ประกาศนโยบายเสมอว่า เรายึดมั่นในการดูแลรักษาธรรมชาติ

เราเชื่อในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และพยายามดำเนินการตาม SDG14 (life below water) ขององค์การสหประชาชาติ

โดยเฉพาะท่าน รมต.กระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งทำงานทุ่มเทต่อเนื่อง แต่กลับอยู่ร่วมบนโต๊ะจีนที่มีการเสิร์ฟหูฉลาม

อันดับที่สอง เป็นการส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการอนุรักษ์ของผู้นำรัฐบาล อันได้แก่ ท่านนายกฯ ผู้เคยพูดถึงเรื่องการเลิกกินหูฉลาม ในวันสิ่งแวดล้อมโลก (29 มิถุนายน 2559)

อันดับที่สาม เป็นการจัดงานก่อนวันสิ่งแวดล้อมไทย ซึ่งข่าวก็จะออกในวันนี้ (4 ธันวาคม)

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าหลายท่านบนโต๊ะ ไม่กินซุปหูฉลาม ไม่ต้องการให้มีการเสิร์ฟเมนูหูฉลาม บางท่านอาจอึ้งเมื่อพบว่ามีเมนูนี้

ซึ่งเป็นภาวะที่อาจเกิดได้ เพราะบางครั้งผมก็ไปร่วมงานโดยไม่ทราบ รู้อีกทีมีหูฉลามมาเสิร์ฟแล้ว

แน่นอนว่าผมไม่กิน และเมื่อผมไม่กิน จะมีผู้ร่วมโต๊ะมองดู

บางคนแซวว่าไม่กินเหรอ ผมก็ถือโอกาสอธิบายเรื่องความโหดร้ายของหูฉลาม จนบางคนพลอยกินไม่ลงไปด้วย

แต่นั่นเป็นผม ผู้คงไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้

แต่สำหรับผู้บริหารระดับรัฐบาล คงสามารถทำอะไรได้บ้าง จึงใคร่ขอเสนอแนะไว้ดังนี้

หนึ่ง เงียบไปเลย เดี๋ยวข่าวก็ผ่านไป แต่แน่นอนว่าประเด็นหูฉลามไม่ใช่เรื่องที่ผ่านมาผ่านไป มันเป็นกระแสโลกมานาน และนับวันมีแต่จะมากขึ้น

และหากไม่ทำอะไรเลย อีกไม่นานมันก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ซ้ำไปซ้ำมา เพราะสำหรับเมืองไทยแล้ว หูฉลามกับนักการเมืองแทบเป็นของคู่กัน

เกิดทีไร ภาพลักษณ์ของฝ่ายที่กินหูฉลาม ก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

สอง พลิกวิกฤต ในอดีตเคยมีข่าวคณะของท่านนายกฯ เสิร์ฟอาหารในกล่องโฟมและพลาสติกใช้แล้วทิ้ง แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลง สั่งห้ามและยกเลิกการใช้

นั่นเป็นทางออกที่ดี เช่น ท่านนายกฯ ประกาศให้ชัดว่า ไม่ประสงค์จะไปร่วมงานใดๆ ที่เสิร์ฟหูฉลาม เพราะท่านไม่กินหูฉลาม และไม่อยากส่งเสริมให้เกิดการฆ่าสัตว์ชนิดนี้

หากไปให้ไกลยิ่งขึ้น อาจขอให้ท่านรมต.กระทรวงทรัพยากรฯ เร่งหาทางอนุรักษ์ฉลาม ทำโรดแมปให้ชัดเจนเหมือนขยะทะเล

ทำเช่นนี้จะเกิดประโยชน์มาก เพราะมีฉลามหลายชนิดที่จ่อคิวรอขอเป็นสัตว์คุ้มครอง เช่น ฉลามหัวค้อน

รวมทั้งเร่งออกระเบียบต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่คุ้มครองทางสิ่งแวดล้อม (พรบ.สิ่งแวดล้อม กำหนดสัตว์ที่ห้ามจับได้)

สาม เน้นย้ำกับฝ่ายปฏิบัติทั้งหมด โดยเฉพาะฝ่ายด้านภาพลักษณ์ ว่าโลกยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน คนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาก

และเมื่อเกิดเหตุแล้วโอกาสแก้ตัวมีน้อย เพราะมันไม่ใช่เรื่องแนวคิดทางการเมือง/เศรษฐกิจที่ขัดแย้ง แต่เป็นสิ่งที่ใครๆ สมควรทำ

กิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น หูฉลาม ปลานกแก้ว ขยะพลาสติก ฯลฯ เป็นประเด็นเสี่ยงสูงมาก ที่ต้องมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบทุกครั้งทุกกิจกรรม โดยไม่ต้องย้ำเตือน

เพราะภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศในยุคนี้ ยิ่งกรีนเท่าไหร่ย่อมยิ่งได้ความนิยม เช่น นายกนิวซีแลนด์ที่ได้คะแนนความชอบของคนไทยไปเพียบครับ”

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ดร.ธรณ์ ชวนเลิกกินหูฉลาม ชี้ เป็นสัตว์อายุยืนที่สุดในโลก