สถาบันแพทยศาสตร์สหรัฐฯ เผย แพทย์และพยาบาลร้อยละ 30-50 กำลังประสบปัญหา “หมดไฟในการทำงาน” เหตุงานหนักเกินตัว เทคโนโลยีที่ล้าหลัง และขาดการสนับสนุน
สำนักข่าว hfocus นำเสนอรายงานที่น่าสนใจจากสื่อต่างประเทศ โดยระบุว่า จากการสำรวจโดยสถาบันแพทยศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา พบว่า แพทย์และพยาบาลราวร้อยละ 30-50 กำลังประสบปัญหาหมดไฟในการทำงาน
รายงานจากสถาบันแพทยศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาพบว่า แพทย์และพยาบาลราวร้อยละ 35-54 มีอาการของภาวะหมดไฟการทำงาน ด้วยสาเหตุสำคัญมาจากภาระงานเกินตัว ประกอบกับเทคโนโลยีที่ล้าหลัง และขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภาวะหมดไฟดังกล่าวสำหรับวงการแพทย์อเมริกันครั้งนี้ว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปัญหาหมดไฟการทำงานในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขในสหรัฐฯ ดำเนินมาถึงจุดวิกฤติในปีนี้ รายงานระบุว่าแพทย์โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิร้อยละ 79 กำลังประสบปัญหาความเครียดจากการทำงาน ขณะที่มีพยาบาลใน 4 รัฐ รวมตัวประท้วงหยุดงานในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาเพื่อเรียกร้องให้จัดสรรอัตรากำลังให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ป่วย
ตัวแทนพยาบาลอ้างการศึกษาวิจัยจากออสเตรเลียเสนอ ที่ระบุว่า การจัดสรรให้พยาบาลดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสมคือไม่เกิน 4 คน จะส่งผลลัพธ์ให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมากขึ้นและอัตราการนอนโรงพยาบาลลดลง โดยขณะนี้ มีเพียงแคลิฟอร์เนียรัฐเดียวในสหรัฐฯ ที่มีระเบียบกำหนดจำนวนผู้ป่วยสูงสุดที่พยาบาลสามารถรองรับการดูแลได้
บาร์บารา แมคแอนนีย์ อดีตประธานสมาคมแพทย์อเมริกัน ระบุว่า แพทย์ที่กระปรี้กระเปร่าและกระตือรือร้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายด้านสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น มาตรการลดภาวะหมดไฟและความอ่อนล้าในหมู่แพทย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบสุขภาพจะเร่งดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหมดไฟในการทำงานไม่ได้เกิดขึ้นใปขึ้นวงการสาธารณสุขเท่านั้น แต่กำลังเป็นวิกฤติในประชากรวัยทำงาน ที่กำลังลุกลามไปทั่วทุกภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ผลสำรวจล่าสุดรายงานว่าแรงงานกว่าครึ่งมองว่างานที่ทำอยู่ส่งผลกระทบตอสุขภาพจิต องค์การอนามัยโลกเองก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาวะหมดไฟในการทำงานและระบุว่าเป็นปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะและอาจนำไปสู่โรคต่างๆ
ทั้งนี้ Burn out หรือภาวะหมดไฟเป็นปรากฏการณ์ทางอาชีพ (occupational phenomenon) ไม่ใช่เป็นโรค (medical condition) และเกิดจากความเครียดเรื้อรังจากการทำงาน ซึ่งได้จัดอยู่ในบัญชีจำแนกทางสถิติระหว่างประเทศของโรค และปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ฉบับที่ 11 โดยมีรหัสกำหนดในหมวด Z คือ “ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะ” เพราะเล็งเห็นว่าประเด็นนี้มีความสำคัญ คุกคามสุขภาวะ และอาจจะนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้ เช่น ภาวะโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือแม้กระทั่งปวดหัวชนิดเทนชั่น หรือโรคนอนไม่หลับ โดยแบ่งลักษณะอาการใน 3 กลุ่ม คือ
1.รู้สึกหมดพลังหรือเหนื่อยล้า
2.รู้สึกว่าจิตใจห่างเหินจากงานและมีทัศนคติด้านลบต่องาน
3.ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
แพทย์เผย “Burn out” ภาวะหมดไฟ ไม่ใช่โรค! ชี้ รักษาได้ง่ายๆ
