“รัฐประหาร” กับโอกาสที่เป็นศูนย์

“รัฐประหาร” กับโอกาสที่เป็นศูนย์


โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote

 

ความร้อนระอุชั่วโมงนี้ของการเมืองไทย ถูกพุ่งตรงไปที่การ “รัฐประหาร” ซึ่งเช้าวันนี้ (8 ก.ย.63) พี่ใหญ่ของรัฐบาล อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่า “ให้ไปถามคนปล่อยข่าว” ประมาณว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และด้วยความที่สายสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ กับรัฐบาลชุดนี้ ยังคงเหนียวแน่นกันดี

จับกระแสข่าว “รัฐประหาร” ถูกปล่อยมาในขณะที่ กลุ่มประชาชนปลดแอก กำลังได้เปรียบในเชิงการต่อสู้ทางการเมืองบนท้องถนน กระแสของม็อบถูกจุดขึ้นด้วยการที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาแสดงพลังทางการเมือง

ข่าวการจับกุมแกนนำ ยิ่งเป็นการกระพือให้ม็อบแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมเดินไปในทิศทางที่ขยายใหญ่ ซึ่งวันที่ 19 ก.ย.63 ที่จะถึงนี้ เราคงได้เห็นภาพนั้น หากม็อบยังคงเลี้ยงกระแสของตนเองได้อยู่

ท่าทีของรัฐบาล ซึ่งไร้กุนซือผู้มีวาทศิลป์ด้านการเจรจา กลายเป็นจุดอ่อน ยิ่งปลุกให้ม็อบมีความได้เปรียบในเชิงสัญลักษณ์มากยิ่งขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า วันนี้รัฐบาล กำลังงงงวยและหาทางแก้ปัญหาเรื่องกลุ่มประชาชนปลดแอกไม่ได้ มันจึงเป็นที่มาของกระแสข่าว “รัฐประหาร” เพื่อสลายม็อบ

ในเนื้อแท้ความจริง วันนี้ซึ่งที่รัฐบาลกำลังเผชิญ เป็นปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าม็อบ คือ ความง่อนแง่นของสภาพเศรษฐกิจที่ออกอาการลูกผีลูกคน ในช่วงก่อนฟื้นจากโควิด-19 นำไปสู่ปัญหาปากท้องของประชาชน ที่จะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้เร็วที่สุด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ งบประมาณในการบริหารประเทศ ซึ่งโดยหลักมาจากงบประมาณปี 2564 ที่จะต้องเคาะออกมาให้เสร็จทันปีงบประมาณซึ่งกำลังจะหมดลง เวลานี้จึงไม่มีทางที่รัฐบาลจะฆ่าตัวตาย ด้วยอาวุธที่ตนเองถนัดอย่าง “รัฐประหาร”

ขณะที่ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่ให้อำนาจการกู้เงินสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ฟื้นเศรษฐกิจ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ วันนี้หากมี “รัฐประหาร” เกิดขึ้น ก็เรียกได้ว่าแทบจะปิดประตูการกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศได้ทันที

ยิ่งไปกว่านั้นหาก “รัฐประหาร” เกิดขึ้น จะเท่ากับว่าเปิดประตูให้ประเทศไทย เดินไปสู่การเป็น “รัฐล้มเหลว” หรือ Failed state โดยทันที

ดังนั้น วันนี้สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือ การประคองเรือเหล็กลำนี้ เพื่อหวังว่าเมื่อเริ่มใช้เงินกู้ จาก พ.ร.ก.กู้เงิน และงบประมาณปี 64 แล้ว เศรษฐกิจจะพอกระเตื้องขึ้นบ้าง

เช่นกันวันนี้หลายคนถามหา บิ๊กเนมที่จะมารับตำแหน่ง รมว.คลัง ที่หากจับพลัดจับพลูไม่ได้ใครจริงๆ เราอาจจะได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งนี้เองในที่สุด เพราะเบื้องลึกหากต้องตัดสินใจอะไรที่ขึ้นต้นด้วยความเสี่ยงแล้ว อำนาจตัดสินใจควรอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขออนุญาตอย่าถามหาคำตอบ เพราะต้องยอมรับว่า ไม่อาจล่วงรู้ได้จริงๆ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โปรดเกล้าฯ ปลด “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” พ้นตำแหน่งรองผบ.ตร.